โดย : ปิ่น บุตรี |
...พลับพลึงธาร คือที่สุดของความเร้นลับในผืนป่าคลองนาคา เดือนพฤศจิกายนของทุกปี ทั้งคลองนาคาจะเต็มไปด้วยดอกไม้หายากชนิดนี้... (จากหนังสือ 12 เดือน 7 ดาว 9 ตะวัน มหัศจรรย์เมืองไทยต้องไปสัมผัส ของ ททท.)
ข้อความนี้ท่อนแรกผมว่ามันเว่อร์ไปนิดนึง(คงเป็นไปตามสไตล์การโฆษณา)เพราะเท่าที่เคยไปมา พลับพลึงธารมันไม่ได้เป็น“ที่สุดของความเร้นลับในผืนป่าคลองนาคา”แต่อย่างใด เนื่องจากแหล่งของมันสามารถเข้าถึงได้อย่างสบายๆ ไม่โหดหิน ลี้ลับ เหมือนเทือกเขาพระศิวะในเพชรพระอุมา หากแต่ความสำคัญของมันต่างหากที่ควรค่าแก่การพูดถึงในฐานะพันธุ์ไม้น้ำที่จัดได้ว่าทรงคุณค่ามากที่สุดพันธุ์หนึ่งของเมืองไทย |
อนึ่งการจะรู้จักกับพลับพลึงธารให้ดีขึ้น สำหรับเราๆท่านๆ เห็นจะไม่มีอะไรเหมาะเท่ากับการนั่งแพไม้ไผ่ล่องไปในคลองนาคาเพื่อเข้าไปชื่นชมอย่างใกล้ชิด แต่ผมขอย้ำว่าเป็นการชื่นชม ถ่ายรูปเท่านั้น ไม่ใช่การไปจับต้อง เด็ดดึง ทึ้งทำลาย หรือแอบแฮบมาเป็นของส่วนตัว ซึ่งปัจจุบันชาวชุมชนละแวกคลองนาคาได้รวมตัวกันจัดกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงนิเวศขึ้น เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ท่องเที่ยว เรียนรู้ และเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติอันพิสุทธิ์ของลำคลองนาคาโดยมีเรื่องราวของพลับพลึงธารเป็นไฮไลท์
สำหรับต้นทางของการล่องแพเริ่มขึ้นที่ฝาย(เขื่อน)คลองนาคาใหญ่ แห่งหน่วยพิทักษ์ป่าทุ่งถั่ว(เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าคลองนาคา) ต.นาคา กิ่ง อ.สุขสำราญ จ.ระนอง ท่ามกลางสายน้ำเย็นใสไหลเอื่อย และบรรยากาศอันร่มรื่นเขียวครึ้มของผืนป่าคลองนาคาป่าดิบผืนใหญ่แห่งภาคใต้ที่กินพื้นที่ทั้งในระนองและพังงา
อยู่เมืองกรุงฯเจอแต่น้ำเสีย น้ำขุ่น น้ำครำ ดูทีวีก็เจอแต่ละคร-นักการเมืองน้ำเน่า เมื่อมาเจอน้ำใสสะอาดไหลเอื่อยเย็นฉ่ำแบบนี้ ใจมันอยากจะกระโดดลงเกลือกกลิ้งเล่นน้ำให้มันรู้แล้วรู้รอดไป แต่ยังไงงานนี้คงต้องยับยั้งชั่งใจ อดเปรี้ยวไว้กินหวาน เพราะเบื้องหน้านั้นมีสิ่งที่ดีกว่ารอคอยอยู่ |
|
ใบเขียวเป็นริ้วคลายริบบิ้นเขียว |
|
|
ว่าแล้วเมื่อแพพร้อม คนถ่อพร้อม คนนั่งพร้อม สวมชูชีพเรียบร้อย แพไม้ไผ่ขนาดนั่งได้ไม่เกิน 4 คนจาก“ชมรมเพลินไพร ศรีนาคา”ก็ไหลล่องเรื่อยลิ่วฉิวฉายไปตามลำน้ำอันเนิบนาบ
การล่องแพไม้ไผ่ของที่นี่ทางทีมงานเขารับประกันความปลอดภัย เพราะนอกจากมีชูชีพให้แล้ว สายน้ำที่ล่องก็ไม่รุนแรง มีระดับสูงสุดแค่ 1+ เท่านั้น แต่ยังไงเราไม่ควรประมาทเล่นพิเรนหรือไม่ปฏิบัติตามกฏ กติกา การล่องแพด้วยประการทั้งปวง เพราะเกิดพลั้งเผลออาจบาดเจ็บได้
อย่างไรก็ตามการนั่งแพที่นี่ไม่ต้องกลัวเปียกให้วุ่นวายใจเพราะมันเปียกตั้งแต่เริ่มนั่งแล้ว อย่างไรก็ตามการนั่งแพที่นี่ไม่ต้องกลัวเปียกให้วุ่นวายใจเพราะ(ก้น)มันเปียกชุ่มตั้งแต่เริ่มนั่งแล้ว
ส่วนใครที่ไม่นิยมการฝาก มาที่นี่ยังไงต้องได้ฝากแน่ๆ แต่ไม่ใช่การฝากเงินนะ หากแต่เป็นการฝากชีวิตไว้กับคนถ่อแพหัว-ท้ายไปตลอดทางจนกว่าจะถึงจุดหมาย อย่างไรก็ดีงานนี้ขอให้วางใจได้ เพราะทีมงานล่องแพแต่ละคนชำนาญพื้นที่และฝึกมาอย่างดี อย่างกับแพลำที่ผมนั่ง นายหัว(แพ)ถือเป็นมือเก่าโชกโชน ส่วนนายท้าย(แพ)นี่ยิ่งแล้วใหญ่ มีดีกรีเป็นถึงแชมป์ถ่อแพ(ประเภทมาราธอน) 3 ปีติดเลยทีเดียว |
|
พลับพลึงธารแบบดอกเดียวโดดๆ |
|
|
ไม่เพียงเท่านั้นนายท้ายคนนี้ยังคุยเก่ง แถมยังทำหน้าที่เป็นไกด์คอยอธิบายโน่น นี่ นั่น ให้ฟังอยู่เป็นระยะๆอีกต่างหาก
ช่วงแรกของเส้นทาง ทิวทัศน์สองฟากฝั่งนอกจากจะเป็นขุนเขา-ป่าไม้แล้ว ยังเป็นสวนยาง สวนปาล์มและสวนกาแฟปลูกแซมอยู่ประปรายในบางจุด
จากนั้นสายน้ำเริ่มคดโค้งมากขึ้น แถมยังมีแก่งน้ำเล็กๆให้เปียกและตื่นเต้นบ้างพอเป็นพิธี แต่ดูเหมือนว่าบรรดาสาวๆ 3 ใบเถาที่นั่งอยู่ในแพลำหน้า ดูพวกเธอจะเกินราคา(ค่านั่งแพ) เพราะขณะที่ความแรงของสายน้ำอยู่ในระดับ 0.5-1 แต่พวกเธอเล่นกรี๊ดปาเข้าไปในระดับ 5++ ดีนะที่ไม่มีบรรดาชะนีกรี๊ดตอบกลับพวกเธอมา
หลังล่องแพชมนกชมไม้ผ่านแก่งต่างๆอาทิ แก่งคลองนาคา แก่งโค้งมะเดื่อ แก่งสะพานไร่ใน แก่งสวนปาล์ม มาได้สักประมาณชั่วโมงกว่าๆ ผมสังเกตว่าบนพื้นผิวน้ำมีเริ่มดอกไม้สีขาวเป็นแฉก ชูช่อไหวๆล้อไปกลับกระแสน้ำ
“นี่เราเข้าเขตแหล่งพลับพลึงธารหรือหญ้าช้องแล้วนะครับ”
พี่นายท้ายบอกอย่างนั้น ก่อนอธิบายต่อว่า พลับพลึงธาร เป็นพันธุ์ไม้น้ำหายากมาก ขยายพันธุ์ด้วยหัวจากใต้น้ำ เจริญเติบโตเฉพาะในน้ำสะอาดที่ไหลเอื่อยๆเท่านั้น หากสายน้ำสกปรกเมื่อไหร่พลับพลึงธารจะหยุดขยายพันธุ์ทันที โดยจากข้อมูลระบุว่าพบพลับพลึงธาร(สกุลนี้)ขึ้นอย่างสมบูรณ์เป็นปริมาณมากเพียงแห่งเดียวในโลกที่คลองนาคาเท่านั้น ซึ่งแต่ละปีพลับพลึงธารจะออกดอกเพียงครั้งเดียวในช่วงประมาณปลายเดือนตุลาคมไปจนถึงปลายต้นเดือนธันวาคม ส่วนใบของมันจะมีลักษณะเป็นริ้วเป็นเส้นยาวคล้ายสายริบบิ้นสีเขียวสด ยามต้องสายน้ำจะลอยส่ายไหลลู่ระริกริ้วพลิ้วไสวดูสวยงามไม่น้อยเลย |
|
ล่องแพชมทุ่งดอกพลับพลึงธารหนึ่งเดียวในโลกที่คลองนาคา |
|
|
ด้วยความหายากและ(เชื่อว่า)พบมากเพียงแห่งเดียว(ในโลก) ชาวบ้านที่คลองนาคาจึงรวมตัวกันก่อตั้ง“ชมรมเพลินไพรศรีนาคา”ขึ้นมา เพื่อจัดกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงนิเวศควบคู่ไปกับการอนุรักษ์ดูแลเจ้าต้นพลับพลึงธาร
ในขณะที่การล่องแพเที่ยวคลองนาคานั้น พี่นายท้ายบอกว่าไม่ต้องกลัวว่าดอกใบหรือต้นพลับพลึงธารจะเสียหาย เพราะคนถ่อแพจะถ่อเลาะหลบหลบดงดอกไม้ แถมต้น ใบ ดอก ของมันยังเหนียวทน แต่จะเสียหายก็มักเกิดจากการที่คนไปหัก เด็ด ทึ้ง กระชาก ดอกและใบของมัน เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นต้องกำชับเตือนนักท่องเที่ยวอยู่เสมอว่า ให้ดูแต่ตา มืออย่าต้องเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นของที่หายากมากจะเสียหายได้
“ที่เราเห็นนี่เป็นแค่ส่วนน้อยเท่านั้น ของจริงโน่น ขึ้นเป็นทุ่งเลย”
พี่นายท้ายบอก ก่อนถ่อแพเลี้ยวดงดอกไม้ไปอย่างชำนาญ หลังผมบอกบอกให้แกหามุมเหมาะๆเพื่อตั้งกล้องถ่ายรูป ซึ่งเพียงแค่ 3อึดใจ แกก็พามาถึงยังจุดที่น่าจะเรียกว่าเป็นความมหัศจรรย์ของธรรมชาติแห่งลำคลองนาคาก็ว่าได้ เพราะแค่พลับพลึงธารบานเพียงดอกเดียวหรือกลุ่มเดียวผมก็ว่ามันสวยงามน่ายลแล้ว แต่ที่เบื้องหน้าของผมยามนี้ มันช่างพร่างพราวเพริศแพร้วพรั่งพรูไปด้วยดอกพลับพลึงธารสีขาวนวลที่พร้อมใจกันบานดารดาษเต็มท้องน้ำ ในขณะที่ริ้วใบเขียวยาวเป็นสายคล้ายริบบิ้นเขียวนั้นก็พลิ้วไหวส่ายริกๆไปตามความแรงของกระแสน้ำ ช่วยเติมเต็มองค์ประกอบของทุ่งดอกพลับพลึงธารหนึ่งเดียวในโลกให้สมบูรณ์สวยงามสุดยอดมากขึ้น |
“ดอกของมันนอกจากจะสวยแล้ว ยังมีกลิ่นหอมจางๆอีกด้วย”
ไม่ทันขาดคำที่พี่นายท้ายแพลำผมบอก แพของสาวๆลำหน้าก็หยุดจอดให้สาวบางคนเอาหน้าไปแนบชิดกับดอกไม้สีขาวนวลเพื่อสูดหอมดอมดมกับกลิ่นของมัน
แหม...ท่ามกลางบรรยากาศอันชวนเพริศแพร้วของทุ่งดอกพลับพลึงธาร ไอ้เราเมื่อเห็นสีขาวๆนวลๆแบบนี้ ใจก็อยากจะก้มหน้าลงไปสูดหอมดอมดมบ้างเหมือนกัน แต่ประทานโทษ?!? ไม่ใช่หอมดอกไม้นะ หากแต่เป็นหอมแก้มของคนที่หอมดอกพลับพลึงธารต่างหาก...อิอิ |
*****************************************
การล่องแพคลองนาคาชมพลับพลึงธาร มีทั้งระยะใกล้และไกล ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลได้ที่ชมรมเพลินไพร ศรีนาคา โทร.08-6120-9700 |
|
:: อีเมลนี้ได้รับฟอร์เวิร์ดมาจาก: ชอบเที่ยวไทย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น