วันอังคารที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2555

โรคที่เกิดจาก ชีวิตเร่งรีบ

3 ความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน
         ทุกวันนี้ชีวิตของคนเมืองส่วนใหญ่ล้วนเร่งรีบ ด้วยหน้าที่การงานไม่เปิดโอกาสให้เราเอ้อระเหยได้มากนัก และนั่นเองจึงเป็นที่มาของความเครียด การกินอาหารไม่ตรงเวลา อีกทั้งอาหารที่กินเข้าไปก็ไม่ได้เอื้อให้ดีต่อสุขภาพสักเท่าไร โรคภัยต่าง ๆ จึงเกิดขึ้นจากความเสียสมดุลของร่างกายนี่เอง

         เรารวบรวมโรคยอดฮิต 3 โรค ที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน มาให้คุณตรวจสอบตัวเอง เพราะแม้ว่าเราไม่อาจจะทำให้การงานวุ่นวายน้อยลงได้ แต่เราหาวิธีรับมือกับสุขภาพของเราได้

    1. กรดไหลย้อน    

        อาการ แสบร้อนบริเวณหน้าอกและลิ้นปี่ รู้สึกเหมือนมีรสขมของน้ำดีหรือรสเปรี้ยวของกรดในคอหรือปาก เรอบ่อย คลื่นไส้ จุกแน่นในหน้าอกคล้ายอาหารไม่ย่อย

        สาเหตุ มีกรดหรือน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร ไหลย้อนขึ้นมาบริเวณหลอดอาหาร จึงทำให้เกิดการอักเสบของหลอดอาหาร

        วิธีรักษา
          - งดเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ น้ำอัดลม ชา กาแฟ ลดอาหารมัน ของทอด ของหวาน และงดสูบบุหรี่
          - รับประทานอาหารให้เป็นเวลา หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารก่อนนอน อย่างน้อย 3 ชั่วโมง
          - ลดน้ำหนัก ให้อยู่ในเกณฑ์ที่ไม่อ้วนเกินไป

        หากไม่รักษา
          อาจจะเป็นมะเร็งหลอดอาหารได้

    2. กระเพาะอาหารอักเสบ   
        อาการ จะปวดแน่นกลางท้องแบบเรื้อรัง ปวดได้ทั้งเวลาหิวและอิ่ม

        สาเหตุ เกิดจากกินอาหารผิดเวลา กินมากเกินไป กินอาหารที่ติดเชื้อแบคทีเรีย มีความเครียดสูง

        วิธีรักษา
          - งดอาหารเผ็ดจัด งดเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ น้ำอัดลม ชา กาแฟ และงดสูบบุหรี่
          - อย่าเครียดเกินไป
          - กินอาหารให้เป็นเวลา
          - ออกกำลังสม่ำเสมอ

        หากไม่รักษา
           อาจจะลุกลาม กลายเป็นแผลในกระเพาะอาหารได้

    3. ความดันโลหิตสูง    
        อาการ ปวดหัว เวียนหัว เหนื่อยง่ายผิดปกติ อาจมีอาการแน่นหน้าอกหรือนอนไม่หลับ

        สาเหตุ พักผ่อนไม่เพียงพอ

         วิธีรักษา
          - เลี่ยงอาหารที่มีรสเค็มจัด เพื่อลดปริมาณเกลือซึ่งจะทำให้เกิดความดันโลหิตสูงได้
          - ลดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่
          - พักผ่อนให้เพียงพอ
          - ลดน้ำหนักตัว

        หากไม่รักษา
           หลอดเลือดในสมองแตก อัมพฤกษ์ อัมพาต หัวใจเต้นผิดจังหวะจนทำให้ถึงแก่ชีวิต

ข้อคิดดีๆ สำหรับ คนที่กำลังท้อแท้ใจ


อยากฝากให้คนที่กำลังท้อแท้ใจ
เผื่อได้อ่านแล้ว ... มีกำลังใจขึ้น (นิดหน่อยก็ยังดี)
อย่าไปให้ความสำคัญกับใครบางคน เมื่อคุณเป็นแค่ทางเลือกของเขา
สัมพันธภาพจะดีที่สุด เมื่อทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญกันอย่างสมดุล
ไม่ต้องสาธยายเกี่ยวกับตัวคุณให้ใครฟังหรอก
เพราะคนที่ชอบคุณ ยังไงเขาก็ชอบ
และไม่ต้องการฟังมันแต่คนที่เกลียดคุณ ยังไงเขาก็ไม่เชื่อคุณหรอก
เมื่อคุณพูดแต่ว่าคุณยุ่ง คุณก็จะไม่ว่างเลย
เมื่อคุณพูดแต่ว่าคุณไม่มีเวลา คุณก็จะไม่มีเวลาเลย
เมื่อคุณพูดแต่ว่าคุณจะทำในวันพรุ่งนี้ วันพรุ่งนี้จะไม่มีวันมาถึงเลย
เมื่อเราตื่นขึ้นมาในยามเช้า เรามีทางเลือกง่ายๆ 2 อย่าง
กลับไปนอนและฝันหวานต่อ หรือ
ลุกขึ้นมาแล้วทำความฝันให้เป็นจริง
มันก็แล้วแต่คุณจะเลือกแล้วล่ะ
เรามักทำให้คนที่ใส่ใจเราต้องร้องไห้
เรามักร้องไห้ให้กับคนที่ไม่เคยใส่ใจเรา
และเรามักใส่ใจกับคนที่ไม่มีวันร้องไห้ให้เรา
นี่คือความจริงของชีวิต เป็นเรื่องแปลกแต่จริง ถ้าเห็นคุณเห็นด้วย
มันก็ยังไม่สายเกินแก้
เมื่อคุณกำลังสนุกสนาน ก็อย่ารับปากพล่อยๆ เมื่อคุณกำลังเศร้า
ก็อย่าได้ตอบกลับเมื่อคุณกำลังโกรธ ก็อย่าไปตัดสินใจอะไร
คิดให้ถี่ถ้วน ทำอย่างสุขุม

เวลาก็เหมือนสายน้ำ
คุณไม่มีทางสัมผัสน้ำเดียวกันได้สองครั้งหรอก
เพราะมันได้ไหลผ่านไปแล้ว
มีความสุขกับทุกช่วงชีวิตของเราดีกว่า...

ขัดผิวด้วยน้ำผึ้งและน้ำมันมะกอก

สครับขัดผิวแบบง่ายๆ ทำเองได้ ช่วยให้ผิวเปล่งปลั่งเป็นสาวสุขภาพดีได้เหมือนกัน          ส่วนผสม : น้ำมันมะกอก 3 ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทรายแดง 1 1/2 ถ้วย

          วิธีทำ : เทน้ำมันมะกอกลงในถ้วยสะอาด จากนั้น เติมน้ำผึ้งแล้วจึงค่อยเติมน้ำตาลทรายแดง ใช้ตะเกียบคนให้เข้ากัน เสร็จแล้วไม่ต้องนำไปเข้าตู้เย็น เพราะจะทำให้ส่วนผสมจับตัวแข็งจนนำมาใช้ขัดตัวได้ลำบาก

          วิธีใช้ : ล้างหน้าให้สะอาดหมดจด อย่าให้มีคราบเครื่องสำอางเหลือตกค้างอยู่บนผิวหน้า ใช้ช้อนตักส่วนผสมขึ้นมาเป็นก้อนเล็กๆ แล้วทาลงบนใบหน้าให้ทั่ว ขัดผิวหน้าเป็นแนววงกลมให้ทั่วใบหน้า โดยหลีกเลี่ยงผิวบริเวณรอบดวงตา หลังจากขัดผิวหน้าเป็นเวลา 60 วินาที ก็ล้างออกด้วยน้ำสะอาด คุณควรขัดผิวหน้าแบบนี้ในช่วงกลางคืน และควรทำแค่สัปดาห์ละครั้งก็พอ


ที่มา ... Lisa

สมเด็จพระสังฆราชฯ ประทานพระโอวาทเนื่องในวันมาฆบูชา ๒๕๕๕

เกร็ดความรู้ที่ดีต่อชีวิต


เกร็ดความรู้ที่ดีต่อชีวิต 

เมื่อวานดูข่าวช่อง 3   มีข่าวนึงที่ทำให้ต้องหันมาตระหนักถึงบางอย่างใกล้ตัว 

1. 
เรื่องขวดน้ำพลาสติกที่บรรจุน้ำดื่มที่ขาย ๆ กันตามห้างสรรพสินค้า หรือร้านสะดวกซื้อ เซเว่นอีเลฟเว่น ฯลฯ
ปัจจุบันเพิ่งมีคนตายเพราะการนำขวดพลาสติกดังกล่าวไปบรรจุน้ำดื่มครั้งแล้วครั้งเล่า  โดยสารพิษชนิดหนึ่ง   สามารถละลายออกมาปะปนกับน้ำดื่ม   เนื่องจากขวดประเภทนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ครั้งเดียว   อายุการใช้งานสั้น ๆ เท่านั้น   ดังนั้นจึงไม่สมควรเสียดาย  นำมาบรรจุน้ำดื่มอีก   รวมทั้งน้ำที่มากับขวด   หากแม้ว่าเปิดกินไม่หมดแล้วเก็บไว้ในรถยนต์   ซึ่งรถดังกล่าวอาจจอดที่ ๆ ร้อน ๆ ความร้อนก็มีผลกับสารพิษที่มากับขวดได้ ดังนั้นเมื่อเปิดดื่มแล้ว ควรดื่มให้หมดภายในระยะเวลา  1   สัปดาห์   โดยเฉพาะหากเก็บขวดนั้นไว้ที่ร้อน ๆ ถ้าเก็บที่อุณหภูมิห้องจะปลอดภัยกว่า 

2. 
ม่านพลาสติกที่แขวนในห้องน้ำเพื่อกั้นพื้นที่แห้ง   กับเปียก   มีข่าวแจ้งมาว่ามีนักจุลชีววิทยา   คนนึงในต่างประเทศ   เค้าสังเกตว่าที่ม่านพลาสติกมีคราบดำๆ   ทีแรกเค้าคิดว่าเป็นคราบสบู่   เค้าลองขูดแล้วเอาไปส่องกล้อง   ปรากฏว่าคราบดำๆ ดังกล่าว เป็นแบตทีเรียชนิดร้ายแรง   ที่เติบโตโดยอาศัย   การผายลม   การเลอ   การไอ   จาม   ของมนุษย์เรานี่แหละ   เป็นอาหารอย่างดีของมัน   เค้าแนะนำว่า เราควรถอดไปซัก   อาทิตย์ละครั้ง   หรือ   เดือนละ  2 ครั้งก็ได้   หรือถ้าไม่มีเวลาก็เดือนละครั้งก็ยังดี   นอกจากนี้เค้าเตือนว่า   อะไรที่เป็นพลาสติก ก็เข้าข่ายเหมือนกันหมด
โดยเจ้าเชื้อโรคเนี่ย มันจะเข้ามาทำอันตรายเรา ก็ต่อเมื่อ   เราป่วย   มีบาดแผล   คนแก่  คนที่ผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะ แล้วต้องกินยากดภูมิคุ้มกัน   

3. 
เรื่องคนนอนดึก เราควรพักผ่อนเข้านอนเวลา  3   ทุ่ม   เนื่องจากร่างกายเรา ต้องการเวลาในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ   ขับของเสียตามอวัยวะต่าง ๆ   ย่อยอาหารให้หมด   ถ้ากินมื้อหนักตอนกลางคืน แถมนอนดึกอีก   รับรองว่าอ้วนพุงพุ้ย แน่นอน   ไขมันเผาผลาญไม่หมดมันเลยสะสมอ่ะ   แต่ถ้านอนดึกเลี่ยงไม่ได้   เพราะขนงานมาทำ   หรือติดงานอะไรก็ตาม   ควรปฏิบัติดังนี้
3.1 
งดเนื้อสัตว์   เช่น   เนื้อวัว   เนื้อหมู   ไก่   เพราะย่อยยาก ลำไส้ต้องทำงานหนัก  
3.2   
หากเราอยากกินเนื้อสัตว์   ก็ควรช่วยลำไส้ด้วยการเคี้ยวให้ละเอียด   ยิ่งเคี้ยวละเอียด   ยิ่งดี จะได้แบ่งเบาภาระลำไส้  
3.2   
ดื่มน้ำขิง ผสม น้ำผึ้ง อุ่น ๆ   หรือ   น้ำอุ่นธรรมดา + น้ำผึ้ง   หรือถ้าไม่มีอะไรเลย  น้ำอุ่นธรรมดา สัก  1 แก้วก็ได้เหมือนกัน  
3.3   
เวลานอน   ควรทำให้ช่วงท้อง  /   ฝ่าเท้าอุ่น   โดยการห่มผ้า
3.4   
ที่จริงมื้อดึก   ควรเป็นมื้อเบา ๆ อย่างเช่น   ผัก   ผลไม้   นม   ไข่   เนื้อปลา   จะดีกว่า
3.5 
ควรเลี่ยงน้ำเย็น   น้ำอัดลม   เพราะเพิ่มภาระให้ระบบภายในร่างกาย   ร่างกายเราต้องความร้อนเพราะช่วยในการย่อยอาหาร   หากดื่มแต่น้ำเย็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังมื้ออาหาร   จะทำให้ร่างกายเราต้องพยายามปรับอุณหภูมิ   ให้อุ่นเหมาะสมก่อน   แล้วจึงนำไปใช้   การดื่มน้ำอัดลมก็ไม่มีประโยชน์อะไร   เพิ่มกรดให้ร่างกาย   แถมมีน้ำตาลที่สะสมตามร่างกายอีก 

**** 
ถ้าอยากกินเนื้อสัตว์   ควรกินเวลา   7.00 น - 9.00   น. เนื่องจากกระเพาะเรา มีสภาพเป็นกรดสูงมากที่สุด   ดังนั้นมื้อเช้าจะจำเป็นมาก ๆ ถ้าอดมื้อเช้าไปนาน ๆ ขั้วกระเพาะเราจะเป็นปุ่มปม   และนานเข้า ๆ ก็กลายเป็นมะเร็งในกระเพาะ 

อย่าลืมดื่มน้ำให้ได้วันละ  8 แก้วนะ   น้ำสะอาดจะช่วยล้างของเสีย   ออกจากร่างกาย   อย่าขี้เกียจลุกไปห้องน้ำเด็ดขาด 

ห้ามอดหลับอดนอนตั้งแต่ ตีหนึ่ง เด็ดขาด   เนื่องจาก   ถุงน้ำดีกำลังย่อยไขมัน   ถ้าอดนอนเวลานี้บ่อย ๆ จะเป็นนิ่วในถุงน้ำดี


ห้ามกินนมตอนเช้า   แทนข้าวเช้า   เนื่องจาก ตอนเช้ากระเพาะเป็นกรดสูงมาก   นึกสภาพดูหากเราบีบน้ำมะนาวลงในนม   จะเกิดปฏิกิริยาทางเคมี   กลายเป็นคอลลอยด์ มันไม่ย่อย นะจ๊ะ   ถ้าดื่มนมตอนท้องว่างแบบนี้ติดต่อกันเป็นประจำแทนข้าวเช้า   ระวังมะเร็งในไขกระดูกนะจ๊ะ   แต่ถ้าเป็นช่วงหลังอาหารเช้า   หรือ   ตอนบ่ายไปแล้ว   หรือตอนเย็นดื่มได้ตามปกติจ้า   มื้อเย็นอาจเป็นมื้อง่าย ๆ อย่างนม   กับไข่ก็ไม่ว่ากัน 

ถั่วต่าง ๆ รวมทั้งธัญพืชสารพัดอย่าง   เช่น ลูกเดือย   ข้าวฟ่าง   ฯลฯ   มีประโยชน์ต่อลำไส้   คือ ช่วยกวาดเชื้อโรค   +   แบตทีเรียชนิดไม่ดี ออกจากลำไส้เรา   ควรกิน  อาทิตย์ละครั้ง   อย่างน้อย 

พืชผักสีเขียว  มีคลอโรฟิว ช่วยทำให้เม็ดเลือดลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ดี   เซลแต่ละเซลล์จะแข็งแรงเมื่อมีออกซิเจนไปหล่อเลี้ยง ก่อนเอาผักมากิน   เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีสารพิษ อย่าลืมแช่น้ำส้มสายชู  45   นาทีนะจ๊ะ 

ขอให้ถนอมสุขภาพร่างกายของเราให้ดีกันทุกคนนะจ๊ะ   ด้วยความปรารถนาดี ไม่มีโรค เป็นลาภอันประเสร็จจ้า   ปล. ข้อมูลทั้งหมด มีที่มา ไม่ได้โมเมนะ

เดล คาร์เนกี คู่มือสู่ความสำเร็จ

อารมณ์ต่างๆ มันไม่ยิ่งใหญ่อะไร มันเปลี่ยนได้ทั้งหมด

อารมณ์ต่างๆ มันไม่ยิ่งใหญ่อะไร มันเปลี่ยนได้ทั้งหมด.
บางคนไปสู้กับความคิด จนเหนื่อยเมื่อยล้า จนคร่ำเครียด. 
ไม่จำเป็นต้องไปถึงขนาดนั้นหรอก 
สิ่งที่เราจะแก้ไข มันง่ายอยู่.
เวลาใดที่มันคิด เรากลับมากำหนดอิริยาบถ
พลิกมือเคลื่อนไหวไปมานั่นแหละ. 
ก็เท่านี้ มันไม่ยิ่งใหญ่อะไร. 
แต่ถ้าเราไม่รู้ มันก็ยิ่งใหญ่มาก. 
มันดึง มันลากไป จนกลายเป็นอารมณ์ 
จนถอนตัวไม่ออก. 
มันตกหล่ม ไม่แก้ ไม่ช่วยตัวเอง ปล่อยให้ตกอยู่.
การถอนออกจากหล่ม ก็คือ 
กลับมาที่การกำหนดกายเคลื่อนไหว. 
อะไรก็ตาม ถ้าเรากลับมานี่ มันเปลี่ยนได้ทั้งหมด. 
จะเป็นความง่วง ความคิด ความลังเลสงสัย 
ความปวด ความเมื่อย เวทนาอะไรต่างๆก็ตาม 
เราเปลี่ยนให้เป็นความรู้สึกตัว. 
สิ่งที่รู้ ก็มีอยู่จริงๆ. 
เรียกว่า แก้อารมณ์ 
เปลี่ยนอารมณ์ให้กับตัวเอง. 
สอนตัวเอง ให้ตัวเองมีประสบการณ์. 
เวลาใดที่มันหลงไป กลับมากำหนดกายเคลื่อนไหว. 
หาประสบการณ์เรื่อยๆไป 
มันก็มีโอกาสชำนิชำนาญ ในการเห็นความคิด 
เห็นความง่วง เห็นอาการต่างๆที่เกิดขึ้นกับกายกับใจ. 
เอาสติ เข้าไปกำหนดรู้ทุกครั้งทุกคราวไป.
สติที่เข้าไปรู้ทุกครั้งทุกคราว 
มันก็มีโอกาสแก่กล้า 
เป็นประสบการณ์แข็งแกร่งขึ้น ง่ายขึ้นๆ. 
(หลวงพ่อคำเขียน สุวัณโณ)

http://upic.me/i/0e/407910_157969760983175_100003104573092_237945_502373685_n.jpg

สัมมนาฟรี เรื่อง "มหาภัยพิบัติ เรียนรู้เพื่อป้องกัน รู้ทันเพื่ออยู่รอด"

ขอเชิญร่วมฟังสัมมนาฟรี
เรื่อง “มหาภัยพิบัติ เรียนรู้เพื่อป้องกัน รู้ทันเพื่ออยู่รอด

วันเสาร์ที่ 7 เมษายน 2555 เวลา 08.00 – 17.00 น.
ณ ห้องประชุมสุธรรม อารีกุล อาคารสารนิเทศ 50 ปี
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน
...

เวลา 08.00 – 08.30 น. ลงทะเบียน
เวลา 08.30 – 09.00 น. พิธีเปิดงานสัมมนา
กล่าวต้อนรับ โดย ดร.ปชา ภาณุบุญ ข้าราชการบำนาญ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
กล่าวเปิดงาน โดย ศาสตราจารย์ระพี สาคริก อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ฯลฯ

เวลา 09.00 – 10.00 น. บรรยายโดย รองศาสตราจารย์ ดร.ปัญญา จารุศิริ ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 
เวลา 10.00 – 11.00 น. บรรยายโดย ดร.สมิทธ ธรรมสโรช ประธานกรรมการ มูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรี อดีตอธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา อดีตประธานกรรมการอำนวยการศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติ ฯลฯ
เวลา11.00 – 12.00 น. บรรยายโดย ผู้แทนกองทัพบก เชี่ยวชาญด้านงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย

เวลา 12.00 – 13.00 น. พักรับประทานอาหารกลางวัน

เวลา13.00 – 14.00 น. บรรยายโดย พระอาจารย์รัตน์ รัตนญาโณ เจ้าอาวาสวัดดอยเกิ้ง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน
เวลา14.00 – 15.00 น. บรรยายโดย รองศาสตราจารย์ ดร.พิชัย โตวิวิชญ์ ภาควิชาเคมี จุฬาลงกรณ์

เวลา15.00 – 15.30 น. บรรยายโดย ดร.ปชา ภาณุบุญ ข้าราชการบำนาญ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
เวลา15.30 – 16.00 น. แนะนำศูนย์ปฏิบัติการรับมือมหาภัยพิบัติ มหาสุรสิงหนาท (ศภม.)
เวลา16.00 – 17.00 น. สวดพระคาถาอุปปะปาสันติ หรือมหาสันติงหลวง เพื่อบรรเทาภัยพิบัติและเหตุร้ายต่าง ๆ แก่บ้านเมือง โดยพระอาจารย์มหา ดร.สิงห์ทน นราสโภ วัดวรเชษฐ์ (นอกเกาะ) จ.พระนครศรีอยุธยา

เวลา17.00 น. พิธีปิดงานสัมมนา

สำรองที่นั่งได้ที่ mahasurasinghanat.gmail.com
หรือทางโทรศัพท์ โทร. 084-546-7943
700 ที่นั่งเท่านั้น!!


สมาคมมหาสุรสิงหนาท 

www.mahasurasinghanat.org
งานสัมมนาเรื่อง มหาภัยพิบัติเรียนรู้เพื่อป้องกันรู้ทันเพื่ออยู่รอด”มีประเด็นที่เป็นจุดเด่นซึ่งต่อยอดมาจากงานสัมมนาที่ผ่านมาของเวปพลังจิต (เจาะลึกภัยพิบัติพลิกวิกฤติให้เป็นทางรอด 2) หรือของมหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิต(พลังจิต VS ภัยพิบัติคือ

-งานจัดวันที่ 7 เมษา 55 ประมาณเกือบกลางปีซึ่งอาจถือได้ว่าเป็นการเตือนและซักซ้อมทำความเข้าใจก่อนชกจริง

-ประเด็นแนวโน้มการเกิดมหาภัยพิบัติซึ่งมุ่งเป้าไปที่มหาภัยพิบัติใหญ่เลยไม่ใช่ภัยพิบัติเล็กที่เกิดขึ้นเป็นปกติทั่วไป

-หาคำตอบว่าเกิดขึ้นแล้วจะทำอย่างไรไปอยู่ที่ไหน ? อยู่อย่างไร ? (วิทยากรเข้าใจแนวทางแล้วเห็นด้วยและจะเปิดเผยข้อมูลมากกว่างานสัมมนาทุกครั้งที่ผ่านมา)
ศูนย์ศภมก็เป็นคำตอบของหนึ่งในนั้นรวมถึงการเปิดตัวการหาแนวร่วมองค์กรภาาครัฐและเอกชนกลุ่มและบุคคลต่างที่จะประสานงานร่วมมือกัน

*** 
การดำเนินงานของศูนย์ศภมถือว่าเป็นหน่วยกล้าตายและดับเครื่องชนในข้อมูลและหลักการที่ถูกต้องดังนั้นจึงได้รับการสนับสนุนและเห็นชอบจากบุคคลทั้งภาครัฐและเอกชน

**** การเตรียมการรองรับเพื่อนสมาชิกศูนย์ศภม.และการประสานงานกับวัองค์กรต่างและจัดหาเครือข่ายสถานที่ปลอดภัยหรือกลุ่มเตรียมรับมือภัยพิบัติซึ่งมีอยู่ทั่วประเทศเพื่อวางเครือข่ายประสานงานและช่วยเหลือกันในยุคมหาภัยพิบัติ

และหวังอยู่ว่าสิ่งต่างๆที่กำลังดำเนินงานอยู่นี้จะสามารถเตรียมความพร้อมให้สมาคมมหาสุรสิงหนาทและศูนย์ศภมซึ่งมีศูนย์ใหญ่อยู่ที่.สอยดาวและศูนย์ประสานงานศภมที่ตั้งเป้าว่าจะมีกระจายอยู่ในจุดปลอดภัยทั่วประเทศในหลายังหวัด

ดังนั้นพวกเราท่านที่อยู่ในสถานที่เสี่ยงทุนทรัพย์น้อยไม่มีญาติพี่น้องหรือรู้จักใครในสถานที่ปลอดภัยก็มีศูนย์ภมอยู่ศูนย์หนึ่งที่เตรียมการไว้รองรับไว้แล้วรวมถึงการประสานงานกับกลุ่มองค์กรต่างเพื่อผนึกกำลังในการช่วยเหลือตนเองครอบครัวญาติพี่น้องเพื่อนมนุษย์และปกปักรักษาพระพุทธศาสนาในยุคมหาภัยพิบัติหากเกิดขึ้นมาจริงหากไม่เกิดก็ใช้ชีวิตกันตามปกติ