วันพุธที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2554

การอุทิศบุญให้ถึงแน่นอน รวดเร็ว ฉับพลัน


การอุทิศบุญให้ถึงแน่นอน รวดเร็ว ฉับพลัน
โดย พระอาจารย์เกษม อาจิณฺณสีโล


พระอาจารย์เกษม อาจิณฺณสีโล เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่หล้า เขมปัตโต พระอริยเจ้าแห่งวัดภูจ้อก้อ จังหวัดมุกดาหาร อุปสมบทเมื่อ .. 2529 ในฝ่ายธรรมยุติ หลังจากอุปสมบทมาไม่นานก็เกิดความประทับใจกับประสบการณ์ทางจิตที่ได้รับจากการฝึกเล่นๆจึงตั้งใจอยู่ปฏิบัติต่อ แล้วไปขออยู่กับหลวงตามหาบัว แต่ท่านได้แนะนำให้ไปอยู่ปฏิบัติกับหลวงปู่หล้าที่วัดภูจ้อก้อ เมื่อไปก็ไม่ได้อยู่กับหลวงปู่หล้า แต่อยู่วัดใกล้ๆ กับหลวงปู่หล้าได้ฝึกฝนตนเองอย่างอุกฤษเป็นเวลา 5 ปี จึงรู้จักธรรมชาติพอเป็นที่สบายใจ
ท่านมีประสบการณ์ทางจิตที่โลดโผนพิสดาร แม้เดินจงกรมก็สามารถเดินเหยียบอากาศ เอาผ้าไปพาดไว้บนกิ่งไม้สูง 10 เมตรได้ ทั้งสามารถมองเห็น ภูต ผี ปีศาจ เทวดา นาคครุฑ ยักษ์ อย่างแจ่มชัดแม้กระทั่งลืมตา มีญาณระลึกชาติย้อนหลังได้มากมายหลายชนิดเป็นพระสงฆ์ที่ใช้เวลาท่องเที่ยวไปในนรกสวรรค์บ่อยที่สุด คล้ายนิทานเรื่องพระมาลัยโปรดสัตว์โลก เป็นพระสงฆ์รูปเดียวและรูปแรกที่กล้าพูดกล้าเปิดเผยเรื่องราวลี้ลับ โดยไม่สนใจเสียงส่อเสียดจากชาวโลก และเป็นพระที่ไม่สนใจลาภยศชื่อเสียง เป็นพระสงฆ์ที่เทพยดาชั้นสูงต่ำ ตลอดจน ภูต ผี ปีศาจ ให้ความเคารพรักมาก
วัดของท่านจึงเป็นจุดที่เทพยดา และภูต ผี ปีศาจ เปรต ที่ตกทุกข์ได้ยากทั่วๆ ไปพากันมุ่งไปหา เพื่อขอความช่วยเหลือ และแต่ละวันประชาชนมากหน้าหลายตาทั่วๆ ไป ต่างดั้นด้นข้ามภูเขาผ่านหนทางทุรกันดารไปกราบท่านเพื่อปรึกษาหาทางแก้ไขปัญหาชีวิตต่างๆ เมื่อนำคำสอนที่ท่านแนะนำไปปฏิบัติก็ประสบความสำเร็จที่ตนเองวาดหวังไว้ แต่ท่านไม่อยากดังถ้าไปขอนำประวัติท่านไปลงหนังสือท่านจะไม่ยอมพูดด้วย แต่ท่านจะมีเมตตาในการสอนทั้งวันทั้งคืน ท่านมีเวลาพักผ่อนในแต่ละวันน้อยจริงๆ นอกนั้นหมดไปกับการต้อนรับผู้มาเยือน กลางคืนก็ต้องต้อนรับแก้ไขปัญหาหมู่ชนในโลกทิพย์เป็นส่วนมาก แล้วนั่งพูดๆ ทั้งวัน
ท่านมีแผ่นซีดีแจกจ่ายให้นำไปฟังแล้วบอกว่า "ฟังแล้วให้นำไปปฏบัติแล้วแจกจ่ายกันฟังต่อ ฟังเข้าใจแล้วไม่จำเป็นต้องมาเพราะคนพูดเหนื่อยแล้ว นึกอยากทำบุญให้ทำที่ไหนก็ได้ ไม่ไปวัดก็ได้ พ่อ-แม่เป็นพระอรหันต์อยู่ในบ้าน ทำบุญกับพ่อแม่แล้วอุทิศบุญให้เทวดาและเหล่าสรรพสัตว์ในโลกทิพย์ก็ได้ผลเท่ากับถวายทานในพระอรหันต์ วัดของอาตมามีพอกินพอใช้แล้ว ไม่ขาดแคลนอะไร จึงไม่มีความจำเป็นต้องมาหลั่งไหลทำบุญที่นี่"
ดังนี้ แผ่นซีดีที่ข้าพเจ้ามอบให้ฟังนี เป็นหนึ่งในหลายร้อยแผ่นที่ท่านแจกจ่าย ข้าพเจ้าคัดเลือกอัดถ่ายแจกจ่ายให้คนธรรมดาทั่วๆ ไปพอฟังได้ แล้วนำไปประพฤติปฏิบัติก็จักประสบความสุข สำเร็จตามที่ผู้ฟังปรารถนา ฟังแล้วก็ปฏิบัติ ไม่จำเป็นต้องไปรบกวนท่านหรอก เพราะว่าเวลาของท่านถูกเบียดบังมากขึ้นทุกวัน จนไม่มีเวลาพักผ่อนแล้ว ข้าพเจ้าจึงไม่ยอมบอกว่าท่านอยู่วัดไหน ตำบลไหน ก็เพื่อป้องกันมหาชนหลั่งไหลไปรบกวนท่านดุจที่หลั่งไหลไปหาหลวงพ่อคูณ และหลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด
แนวการสอนของ พระอาจารย์เกษม อาจิณฺณสีโล
ชีวิตของมนุษย์และสัตว์ ทั้งในโลกนี้และโลกทิพย์ มีส่วนสัมพันธ์กันเข้าไปอยู่ในกฎแห่งกรรมที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนในการเวียนว่ายตายเกิด ไปๆ มาๆ ที่จะไม่เคยเป็นญาติไม่เคยเป็นเพื่อน ไม่เคยเป็นเจ้ากรรมนายเวรกันไม่มี ชีวิตของทุกผู้ทุกคนจึงมีส่วนสัมพันธ์กันไม่มานก็น้อย ทั้งส่วนดีมากและดีน้อย ทั้งส่วนเลวมากเลวน้อย ทั้งในส่วนที่ทำให้เกิดความเคียดแค้นชังมากชังน้อย ทั้งในส่วนที่รักและอุปการะมากและน้อย นี่เป็นกรณีหนึ่ง
การได้ดีตกยาก เจ็บไข้ได้ป่วยของมนุษย์และสัตว์ ส่วนหนึ่งเกิดจากผลกรรมในอดีตชาติและปัจจุบันชาติ อีกส่วนหนึ่งได้รับเหตุปัจจัยกระทบจากสื่งรอบข้าง อีกส่วนหนึ่งเกิดจากการกระทำของสิ่งลี้ลับที่เรามองไม่เห็น เช่น เทวดาช่วยเหลือ เทวดาให้โทษ ผีให้โทษ เจ้ากรรมนายเวรที่เคียดแค้นชิงชังให้โทษ
ในคนทุกคนจะมีเทวดาอย่างน้อย 2 องค์ เทวดาประจำตัวนี้แหละที่ชอบช่วยเหลือให้เราประสบความสำเร็จ หรือช่วยปกป้องคุ้มครองให้เรารอดพ้นจากภัยอันตรายที่น่าหวาดเสียวได้อย่างอัศจรรย์ ซึ่งบางทีเราก็ยกให้เป็นคุณงามความดีของวัตถุมงคลที่แขวนคอเสียก็มีเด็กน้อยบางคนไม่มีวัตถุมงคลแขวนคอเลย แต่ตกบ้านตกเรือนด้วยความซุกซน แต่ไม่ได้รับอันตรายเพราะเหมือนมีใครมาอุ้มก่อนตกพื้น บุคคลบางคนไม่มีวัตถุมงคลติดตัวเลยแต่สามารถหลุดพ้นจากอุบัติเหตุและการดักทำร้ายของศัตรูมาได้อย่างปาฏิหารย์ นั่นคือการปกป้องรักษาจากเทวดาประจำตัวเขา และ/หรือญาติในโลกทิพย์ของเขา
พวกเราชาวพุทธแต่ละคนล้วนเคยทำบุญให้ทานมาแล้วทั้งสิ้น ทั้งในชาตินี้และในชาติก่อนถ้าจะนับบุญก็คงจะใหญ่เท่าภูเขาเลากาหรือเท่าก้อนโลก แต่ไม่รู้จักใช้บุญของตนเองให้เกิดประโยชน์ในปัจจุบันชาติ จึงต้องรอตายแล้วจึงไปรับบุญในสรวงสวรรค์ คนทำบุญจึงชอบบ่นว่าทำแต่บุญไม่เห็นได้ดีสักที ที่เป็นเช่นนี้เพราะเขาไม่เคยให้บุญแก่เทวดาที่รักษาตัวเอง ไม่เคยให้เจ้ากรรมนายเวรที่ตามจ้องกันอยู่ ไม่เคยให้เทวดาและญาติทิพย์ที่อาศัยอยู่ในเขตบ้านเรือน ไม่เคยให้เทวดาที่รักษาเจ้านายของตัว เทวดาเหล่านั้นบางองค์มีบุญน้อยมีฤทธิ์น้อย จึงไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเราได้มาก แต่ถ้าเขาได้รับบุญจากเราบ่อยๆ เขาจะกลายเป็นเทวดาที่มีฤทธิ์มีอำนาจ สามารถช่วยเหลือให้เราประสบความสำเร็จได้ดังใจหมาย บางคนอ้างว่าทำบุญทุกครั้งก็กรวดน้ำให้เทวดาและเจ้ากรรมนายเวรทุกครั้งก็ไม่เห็นมีอะไรเปลี่ยนแปลง โปรดเข้าใจว่าท่านให้ไม่เป็นเขาจึงไม่ได้รับ เช่นให้ไม่เจาะจงหรือแสงบุญหมดแล้วจึงมากรวดน้ำให้ เขาก็ไม่ได้รับ
การใช้บุญสร้างความสำเร็จในปัจจุบัน
พระพุทธเจ้าทรงแสดงการเกิดบุญไว้ 3 ประการอย่างย่อๆ คือ
1. 
บุญเกิดจากการให้ทาน
2. 
บุญเกิดจากการรักษาศีล
3. 
บุญเกิดจากการภาวนาอบรมจิตใจ
โดยสรุปแล้วการสร้างความดีทุกประการ ล้วนเป็นแหล่งของการเกิดบุญกุศลทั้งสิ้น แล้วก่อให้เกิดอานิสงส์ที่จะสร้างความสำเร็จให้ชีวิตได้ทั้งสิ้ เมื่อกำลังให้ของแก่ใคร ไม่ว่าจะถวายของแก่พระสงฆ์ ให้ของแก่พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติมิตร แม้เอาข้าวให้หมากิน เอาอาหารโยนให้ปลากิน เอาเศษอาหารโปรยให้มดกิน ย่อมเกิดกระแสบุญขึ้น เป็นกระแสเรืองรองแผ่ออกจากตัวผู้กำลังให้ เพียงไม่กี่วินาทีแสงนี้จะพุ่งหายขึ้นไปเบื้องบน แล้วสะสมเป็นกองบุญผู้ให้อยู่บนเทวโลก ดังนั้นขณะให้ของแก่ใคร จึงควรอธิษฐานจิตคิดทันทีว่า

"
บุญนี้จงเป็นของเทวดาผู้รักษาตัวข้าหรือ "บุญนี้จงเป็นของเจ้ากรรมนายเวรของข้า"หรือ "บุญนี้จงเป็นของเทวดา-ภูต-ผี-ีศาจ-เปรต-ครุฑ-นาค-ยักษ์ ที่อาศัยอยู่ในสถานที่เรือกสวนไร่นา หรือเคหะสถานบ้านเรือนของข้าหรือ "บุญนี้จงเป็นของเทวดาผู้รักษาบุตรของข้า จงเป็นของเทวดาผู้รักษาบิดา-มารดาของข้าเป็นต้น ขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการแก้ไขในจุดไหน เช่น
บุตรของเราเกเรเหลือเกินชอบสร้างแต่ความเดือดร้อนสั่งสอนไม่ฟังแบบนี้ ต้องให้เทวดาผู้รักษาตัวเขาเป็นผู้ขนาบตักเตือน วิธีที่เทวดาตักเตือนนั้น ท่านจะสั่งการไปที่ความรู้สึกนึกคิดจิตใจของเขา ถ้าเทวดาประจำตัวเขาเป็นมิจฉาทิฐิ เมื่อได้รับบุญบ่อยๆ เทวดารู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในตัวเอง มีชีวิตที่สุขสบายขึ้น มีฤทธิ์อำนาจขึ้น เขาจะทราบได้เองว่าสิ่งที่เขารับนั้นมาจากไหน เมื่อเราอุทิศบุญให้ท่านก็อธิษฐานว่า "เมื่อเทวดาได้รับบุญแล้วขอให้มีความสุข มีกินมีใช้ มีเสื้อผ้าที่อยู่อาศัยและขอให้อบรมตักเตือนลูกของข้าให้เป็นคนดีด้วยดังนี้ ไม่นานหรอกจะเกิดกรณีพิศดารขึ้นกับบุตรเกเรคนนั้นจนต้องเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นคนดีอย่างแน่นอน
สามีหรือภรรยา คู่ครองของตนเองเป็นที่น่าเอือมระอาเหลือเกิน อยากให้คู่ครองดี รักเราละเลิกประพฤติชั่วเหลวไหล ก็ให้ทำแบบเดียวกันกับที่ให้บุญแก่เทวดาที่รักษาบุตร
กิจการค้าของท่านล้มเหลวหรือซบเซา เมื่อท่านทำบุญทุกครั้งควรอุทิศให้เทวดาประจำตัวของท่าน และเทวดาที่ดูแลกิจการการค้าด้วยพร้อมกันไปแล้วอธิษฐานว่า "เทวดาที่รับบุญของเราแล้ว โปรดช่วยเหลือกิจการค้าธุรกิจของเรา ให้ประสบความสำเร็จด้วยเถิด ถ้าร่ำรวยขึ้นจะทำบุญให้ท่านยิ่งๆ ขึ้นไปอีกจะใช้คำเรียกตนเองว่าข้า ว่าเรา ก็ได้ทั้งนั้น ร้านค้าขายจะเป็นร้านอะไรก็แล้วแต่ เมื่อทำบุญก็ให้อุทิศบุญแก่เทวดาที่รักษาร้านค้านั้นด้วยแล้วบอกว่า "เทวดาเมื่อได้รับบุญแล้ว โปรดเรียกลูกค้ามาอุดหนุนให้มากๆ ด้วย"
การอุทิศบุญ ไม่ต้องพูดไม่ต้องกรวดน้ำ ให้ใช้การคิด ต้องรีบคิดทันทีอย่าชักช้าเพราะแสงบุญที่เกิดขึ้นจะดำรงอยู่ไม่กี่วินาทีแล้วจะหายไปสู่สวรรค์ ถ้าเราฝึกบ่อยๆ เราจะชำนาญในการคิดเพราะมีกระแสแรงกว่าพูดออกจากปาก เวลาหย่อนก้อนข้าวลงในบาตรให้คิดส่งบุญทันที และคิดให้ชัดเจนอย่าลางเลือน ให้ของแก่ใครเมื่อของหลุดจากมือเราก็ให้คิดทันทีอย่าช้า
การรักษา โรคภัยไข้เจ็บที่เกิดกับตัวเราสืบเนื่องจากนายเวรผู้เคียดแค้นชิงชังกระทำทั้งสิ้นพระพุทธเจ้าตรัสว่า ผู้ฆ่าสัตว์ย่อมอายุสั้น ผู้เบียดเบียนสัตว์ย่อมสุขภาพไม่ดี ดังนั้น การรักษาต้องส่งบุญไปให้แก่เจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยนั้นๆ และให้เทวดาผู้รักษาตัวเราในขณะเดียวกันโปรดอธิษฐานว่ "หมอใดยาใดที่สามารถรักษาอาการนี้ให้หายขาดได้ ขอให้เทวดาจงนำหมอนั้นมารักษาเรา เจ้ากรรมนายเวรได้รับบุญของเราแล้วจงอโหสิกรรมให้เราด้วย ถ้าเราหายเราจะทำบุญให้แก่ท่านยิ่งๆ ขึ้นไปการอธิษฐานเบิกบุญเก่าอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรที่รบกวนควรทำวันละหลายๆ ครั้ง จนเขาพอใจ อาการป่วยของเราจะหายเร็วขึ้น
วิธีการให้บุญแก่เจ้ากรรมนายเวรควรทำดังนี้เป็นตัวอย่าง เช่น คนป่วยมะเร็งจุดไหนเมื่อส่งบุญให้คิดว่า "บุญนี้เจ้ากรรมนายเวรที่ก่อให้เกิดการเจ็บป่วยตรง... พวกเชื้อโรคมะเร็งเมื่อได้รับบุญแล้วขอให้เจ้ามีชีวีตที่ดีขึ้น มีภพที่สูงขึ้น จงหลุดจากภาวะชีวิตชั้นต่ำเดี๋ยวนี้ เมื่อเราหายแล้วเราจะได้ทำบุญให้พวกเจ้า ส่งชีวิตของพวกเจ้าให้สูงขึ้นเรื่อยๆ พวกเจ้าจงเลิกจองเวรจองกรรมในเราเสียที ตั้งแต่นี้เราจะตั้งตนอยู่ในศีลธรรม เลิกการเบียดเบียนเข่นฆ่าชีวิตสัตว์อื่น ขอส่งบุญที่เกิดจากการรักษาศีลแก่เจ้าด้วย"
ผู้มีอาชีพเกี่ยวเนื่องกับการฆ่าหรือเบียดเบียนสัตว์อื่น – เจ้าของโรงฆ่าสัตว์ คนขายเนื้อสัตว์ ชาวประมง คนขายปลาสดตามตลาด เชือดไก่ขาย คนเหล่านี้ต้องสร้างบาปกรรมทุกวันๆ จึงก่อความเคียดแค้นชิงชังให้แก่สัตว์ที่ถูกฆ่าอยู่ทุกวี่ทุกวัน เขาก็พยายามจองล้างจองผลาญ แต่ในขณะที่บุญเก่าของผู้นั้นยังมีอยู่ เจ้ากรรมนายเวรก็ทำอะไรไม่ได้ แต่หากว่านายเวรได้ช่องทางเมื่อไร วิญญาณสัตว์ที่เคียดแค้นเหล่านั้น (นายเวรจะตามมาทวงและให้ร้ายทันที ดังนั้นต้องพยายามไถ่ถอนกรรมของตัวด้วยการทำบุญ แล้วอุทิศให้วิญญาณสัตว์ที่ตัวเองฆ่า ทำบ่อยๆ ส่งบ่อยๆ เอาเนื้อสัตว์ที่เราขายนั้นทำอาหารถวายพระหรือเลี้ยงผู้อื่น อธิษฐานว่า "บุญนี้ให้สัตว์ทั้งหลายที่เราได้ฆ่าหรือผู้อื่นฆ่าเพราะคำสั่งเรา เหล่าสัตว์เหล่าใดที่ได้รับบุญแล้ว ขอให้มีแต่ความสุข ความเจริญ มีชีวิตวิญญาณที่ดีขึ้น จงหลุดพ้นจากกรรมเวรที่ตนเองเคยสร้างไว้ จงมีภพภูมิที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเป็นเทวบุตรเทวดาในสรวงสวรรค์ เมื่อได้รับบุญแล้วจงอโหสิกรรมให้เราด้วย อย่าได้จองเวรซึ่งกันและกันเลย เจ้าตายเพราะเราแต่ก็มีชีวิตที่ดีขึ้นเพราะเรา ดีกว่าเจ้าตายเอง หรือตายเพราะฝีมือผู้อื่นซึ่งก็มีชีวิตทุกข์ทรมาน"
การขับไล่ผีหรือคุณไสยออกจากร่างผู้ป่วย เอาของให้ทานแก่ผู้ทรงศีล จะพระหรือฆราวาสก็ได้แล้วอุทิศบุญเจาะจงถึงผีในร่างผู้ป่วย ขอให้ได้รับบุญนี้ เมื่อได้รับบุญแล้วโปรดออกจากร่างผู้ป่วยเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่ยอมออกก็ให้บ่อยๆ ให้สิ่งของเล็กๆ น้อยๆ ให้เงินห้าบาท สิบบาท ให้กาแฟ 1 แก้ว โอวัลติน 1 แก้ว แล้วอุทิศได้ทั้งนั้น
ในกรณีมีคุณไสยเข้าร่างผู้ป่วย ให้อธิษฐานดังนี้ "ด้วยอำนาจพระพุทธเจ้า ด้วยอำนาจพระธรรม ด้วยอำนาจพระสงฆ์ โปรดจงลบล้างอำนาจชั่วช้าต่ำทรามที่มีผู้ส่งเข้าผู้ป่วยให้สูญสลายไป  บัดนี้ถ้าไม่หายให้ทำบ่อยๆ เดี๋ยวอาการก็ดีขึ้นเองโดยไม่ต้องไปทำพิธีอะไรอื่นหรือไม่ต้องไปจ้างหมอผีผู้มีวิทยาอาคมที่ไหนมาแก้ เพราะอำนาจของพระรัตนตรัยนั้นยิ่งใหญ่เหนือทุกสิ่งทุกอย่างในสากลจักรวาล
หลีกเลี่ยงการสวดมนต์เพื่อขับไล่วิญญาณ บทสวดมนต์แต่ละบทมีอำนาจขับไล่ และเบียดเบียน พวกวิญญาณชั้นต่ำในโลกทิพย์ ให้ได้รับความเดือดร้อน พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติ ห้ามมิให้ภิกษุทำน้ำมนต์ขับไล่ผี ไว้ในพระวินัยบัญญัติ ดังนั้น เมื่อผู้ใดกล่าวสวดมนต์เพื่อเจริญพุทธานุสติ ธัมมานุสสติ และสังฆานุสสติ โปรดอย่าตั้งจิตเบียดเบียนภูติผีปีศาจชั้นต่ำทั้งหลายให้ได้รับความเดือดร้อน เมื่อสวดมนต์ให้ตั้งจิตระลึกเสียก่อนว่า "ภูติผีปีศาจชั้นต่ำทั้งหลายบัดนี้เราจะกล่าวบทสวดมนต์ใครชอบฟังเอาบุญกุศลก็ให้ตั้งใจฟัง หากใครฟังแล้วทรมานก็ให้หลีกหนีไปที่อื่นจนกว่าเราจะสวดมนต์เสร็จแล้วจึงกลับมาเถิด เราไม่สวดเพื่อขับไล่ใคร แต่สวดเพื่อเจริญในพระพุทธคุณ ธรรมคุณ สังฆคุณ เท่านั้น"
การนิมนต์พระมาทำพิธีขับไล่ภูติผีในบ้านนั้น ไม่ถูกต้องโดยประการทั้งปวงและควรงดให้เด็ดขาดเพราะวิญญาณนั้นเขาอาศัยอยู่ที่นั่นมาก่อนเราอย่างสงบสุข บางตนก็เป็นญาติที่เราเคารพรักมาก่อน ตายแล้วมีบุญน้อยกุศลน้อยก็เป็นภูติผีอาศัยอยู่ในบ้านนั้น ภูต ผี บางตนมีความทุกข์เดือดร้อนพยายามส่งกระแสความเดือดร้อนให้เรารู้สึก เพื่อจะได้ทำบุญส่งให้เขา แต่คนไม่เข้าใจคิดว่าเขาเบียดเบียนหลอกหลอน จึงนิมนต์พระมาสวดขับไล่ เมื่อเราไปทำพิธีขับไล่เขายิ่งเดือดร้อน แล้วพวกวิญญาณเหล่านั้นจะรวมหัวกันกลั่นแกล้งผู้คนในบ้านให้เดือดร้อนวุ่นวายกันมากขึ้น มีแต่เรื่องทะเลาะขัดแย้งกันเนืองๆ สังเกตดู บ้านไหนที่มีคนถือวิชาอาคมสวดมนต์ไล่ผีบ่อยๆ คนในบ้านจะหาความรักสามัคคีกันไม่ได้เลย พ่อแม่ ลูก สามี ภรรยา ทะเลาะขัดแย้งจนฆ่ากันตายก็มี ต่อไปเมื่อมีเหตุเดือดร้อนควรทำบุญอุทิศให้พวกเขาอยู่สุขสบาย ก็จะเลิกรบกวนเรา แล้วจะกลับเป็นเทวดาชั้นดีที่คอยปกปักษ์รักษาเราต่อไป
หลีกเลี่ยงการติดผ้ายันต์กันภูติผีในบ้าน หรือการพกพาเครื่องรางของขลังที่เบีดเบียนวิญญาณชั้นต่ำ เพราะสิ่งเหล่านี้กระทบกระเทือนถึงวิญญาณชั้นต่ำให้ได้รับความเดือดร้อนและเคียดแค้น อันจะส่งผลให้เขาเป็นเจ้ากรรมนายเวร จองล้างจองผลาญเราไม่มีที่สิ้นสุดโดยที่เราไม่รู้ตัว บ้านเรือนเคหะสถานเป็นของที่มีอยู่ในโลกนี้ เป็นทั้งที่อยู่ของผู้มีชีวิตในโลก และในอีกมิติหนึ่งที่เรามองไม่เห็น ไม่ควรเห็นแก่ตัวว่าเป็นสมบัติของเราเพียงผู้เดียวควรร่วมกันอยู่กันอย่างสงบสุข พวกวิญญาณต้องอาศัยบุญกุศลถึงอยู่ได้ ถ้าได้รับบุญจากมนุษย์ผู้อาศัยอยู่ในผืนแผ่นดินเดียวกันเขาย่อมพึงพอใจ และจะรักษามนุษย์ให้มีความสุขความเจริญ แม้พระพุทธเจ้าก็ตรัสสอนไว้ใน เทวตาทิสสทักขิณานุโมทนา ว่า
ยัสมิง ปะเทเส กัปเปติ วาสัง ปัญติตะชาติโย สีลวันเตตถะ โภเชตะวา สัญญะเต พรหมะจาริโณ ยา ตัตถะ เทวตา อาสุง ตาสัง ทักขิณะมาทิเส ตา ปูชิตา ปูชะยันติ มานิตา มานะยันติ นัง ตะโต นัง อนุกัมปันติ มาตา ปุตตังวะ โอระสัง เทวะตานุกัมปิโต โปโส สะทา ภัทรานิ ปัสสติ
แปลว่า ผู้ฉลาดชาติบัณฑิต เมื่ออาศัยอยู่  สถานที่แห่งใด ควรเชื้อเชิญผู้ทรงศีลเข้าไปเลี้ยงดูในสถานที่แห่งนั้น แล้วอุทิศบุญให้แก่เทวดาผู้อาศัยอยู่  สถานที่แห่งนั้น เทวดาเมื่อได้รับการบูชาแล้วย่อมบูชาตอบ คือทำความอนุเคราะห์ช่วยเหลือผู้อุทิศบุญให้แล้วนั้นเหมือนบิดามารดาผู้รักบุตร ย่อมอนุเคราะห์บุตร ผู้ใดได้รับการช่วยเหลือจากเทวดาแล้วย่อมประสบแต่ความเจริญรุ่งเรืองอยู่เป็นนิจ
การให้ทานแก่บุคคลย่อมมีผลบุญแตกต่างกัน

-- 
ให้ในพระสงฆ์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานย่อมเกิดผลมากกว่าให้พระพุทธเจ้าพระองค์เดียว
-- 
ให้ในพระพุทธเจ้าย่อมมีผลมากกว่าให้ในพระอรหันต์
-- 
ให้ในพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ผู้ออกจากนิโรธสมาบัติย่อมมีผลมากกว่า ให้ในพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ในสถานภาพปกติ
-- 
ให้ในพระอรหันต์ย่อมมีผลเหนือกว่าให้พระอนาคาม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น