วันอาทิตย์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2556

8. หลวงปู่ขาว อนาลโย


8. หลวงปู่ขาว อนาลโย** - วัดถ้ำกลองเพล อ.เมือง หนองบัวลำภู*
> [image: http://www.bloggang.com/data/k/katkine/picture/1314876042.jpg]
> พระอริยเจ้าผู้เป็นดั่งเพชรน้ำหนึ่ง
> - มีหลวงปู่หลุย เป็นสหธรรมิกที่เกื้อกูลกันในทางธรรม
> - ท่านมีใจเด็ดเดี่ยว, มุ่งมั่นในเป้าหมาย, มีเมตตาธรรมเป็นเลิศ,
> สง่างามประดุจช้างสาร
> - ท่านมีอดีตชาติเกี่ยวพันกับสัตว์ป่า มีช้างเป็นต้น -
> ไม่ว่าท่านจะไปเที่ยวที่ป่าเขาลึกเพียงไหน
> ช้างหัวหน้าฝูงมักจะเข้ามาหาคารวะท่าน - ท่านรู้ภาษาสัตว์
> และสัตว์ก็รู้ภาษาของท่านอย่างดี
>
> - เหตุที่ท่านออกบวช เกิดจากภรรยามีชู้ -
> เมื่อท่านพบภาพคาหนังคาเขาตามคำบอกเล่าชาวบ้าน
> ท่านจึงเงื้อดาบสุดแรงหมายจะฟันชายชู้และภรรยาชั่ว -
> แต่เผอิญชายชู้เห็นก่อนและได้ร้องขอชีวิต - ทำให้ท่านเกิดจิตเมตตา
> จึงเรียกชาวบ้านมาดูเหตุการณ์ พร้อมประชุมญาติและผู้ใหญ่บ้าน -
> ได้ปรับสินไหมด้วยเงิน พร้อมประกาศยกภรรยาให้ชายชู้อย่างเปิดเผย -
> ท่านสลดสังเวชจิตเป็นกำลัง จิตหมุนไปทางบวชเพื่อหนีโลกโสมม
>
> - ท่านสามารถระลึกชาติย้อนหลังได้หลายชาติ - เคยเกิดป็นพระภิกษุ 1 ใน 500
> รูปติดตามพระเทวทัตมิจฉาทิฐิ- แต่หลังจากได้ฟังธรรมจากพระสารีบุตร
> จึงหันกลับเข้ามาสู่ทางแห่งสัมมาทิฐิ-
> สถานที่ต่างๆ ที่ท่านอยู่จำพรรษา มักเป็นสถานที่เคยเกิดเป็นคนหรือสัตว์ต่างๆ
> ในอดีตชาติ
>
> - ท่านบรรลุธรรมชั้นสุดยอดพรรษาที่ 16-17 ที่กลางทุ่งนา บ้านโหล่งขอด อ.พร้าว
> เชียงใหม่
> - ท่านเล่าว่า "เย็นวันหนึ่ง เมื่อปัดกวาดเสร็จออกที่พักไปสรงน้ำ -
> เห็นข้าวในไร่ชาวเขากำลังสุกเหลืองอร่าม - เกิดปัญหาขึ้นมาว่า
> ข้าวมันงอกขึ้นมาเพราะมีอะไรเป็นเชื้อพาให้เกิด -
> ใจที่พาให้เกิดตายอยู่ไม่หยุด
> ก็น่าจะมีอะไรเป็นเชื้ออยู่ภายในเช่นเดียวกับเมล็ดข้าว -
> เชื้อนั้นถ้าไม่ถูกทำลายเสียที่ใจให้สิ้นไปจะต้องพาให้เกิดตายอยู่ไม่หยุด -
> ก็แล้วอะไรเป็นเชื้อของใจเล่า ถ้าไม่ใช่กิเลสอวิชชา ตัณหาอุปาทาน -
> ท่านก็คิดทบทวนไปมา โดยถืออวิชชาเป็นเป้าหมาย - พิจารณาย้อนหน้าถอยหลัง
> อนุโลมปฏิโลมด้วยความสนใจอยากรู้ตัวจริงแห่งอวิชชา -
> นับแต่หัวค่ำจนดึกไม่ลดละการพิจารณาอวิชชากับใจ
>
> - พอจวนสว่าง จึงตัดสินกันลงได้ด้วยปัญญา -
> อวิชชาขาดกระเด็นออกจากใจไม่มีอะไรเหลือ - ยุติที่ข้าวสุก หมดการงอกอีกต่อไป -
> การพิจารณาจิต มาหยุดกันที่อวิชชาดับ กลายเป็นจิตสุก เช่นเดียวกับข้าวสุก -
> จิตหมดการก่อกำเนิด เกิดในภพต่างๆ อย่างประจักษ์ใจ-
> สิ่งที่เหลือให้ชมอย่างสมใจคือความบริสุทธิ์แห่งจิตล้วนๆในกระท่อมกลางเขา"
>
> - เกิดอาทิตย์ 28 ธค 2431 - ปีชวด บ้านบ่อชะเนง ต.หนองแก้ว อำนาจเจริญ
> - อุปสมบท 2 พค 2432 จำพรรษาวัดที่บวช 6 ปี -
> สังเกตดูครูอาจารย์เพื่อนพระสามเณร ประพฤติปฏิบัติพระธรรมวินัยลุ่มๆดอนๆ
> -ไม่สมเจตนาที่ออกบวชเพื่อมรรคผลนิพพาน - จึงกราบลา ตามหาพระอ.มั่น -
> ได้จำพรรษากับพระอ.มั่นปีแรกที่เชียงใหม่ ท่านเร่งความเพียรแทบไม่ได้หลับนอน
> - ญัตติเมื่อ 14 พค 2468 - หลวงปู่ขาวเป็นนาคซ้าย, หลวงปู่หลุยเป็นนาคขวา -
> หลวงปู่หลุยบวชก่อน 15 นาที
> - อนุปาทิเสสนิพพาน ณ วัดถ้ำกลองเพล หนองบัวลำภู - จันทร์ 16 พค 2526 - 94 ปี
> 57
> พรรษา****

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น