วันจันทร์ที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2556

19. หลวงปู่มหาเขียน ฐิตสีโล


19. หลวงปู่มหาเขียน ฐิตสีโล (พระอริยเวที) - วัดรังสีปาลิวัน ต.โพน อ.คำม่วง กาฬสินธุ์

พระอริยเจ้าผู้แตกฉานในอรรถและธรรม
- ถึงพร้อมด้วยความรู้และความประพฤติ ชำนาญทั้งคันถธุระและวิปัสสนาธุระ - ท่านละทิ้งเกียรติยศตำแหน่งในการบริหารคณะสงฆ์ มุ่งเพียงเกียรติอันยิ่งใหญ่คือพระนิพพาน - ละจากความเป็นพระบ้านเข้าสู่ความเป็นพระป่าได้อย่างสนิทใจ 

- อุปนิสัยพูดจริงทำจริง, เรียนจริงปฏิบัติจริง บากบั่นมุมานะ ไม่ท้อแท้ต่ออุปสรรคที่มาถึง, รักสงบ, สำรวมระวัง, ปฏิบัติตนเคร่งครัดในธรรมวินัย, ไม่ชอบคลุกคลี, ซื่อตรงต่อธรรมวินัย, หนักแน่นด้วยหิริโอตตัปปะธรรม, มักน้อย, สันโดษ, เรียบง่าย มีระเบียบบริบูรณ์ด้วยข้อปฏิบัติไตรศึกษา ถวายตัวเป็นศิษย์พระอ.มั่น ณ วัดหนองผือนาใน สกล
-ท่านได้บำเพ็ญคุณประโยชน์ไว้ในพระพุทธศาสนาเป็นอันมาก ทั้งด้านการศึกษา ด้านการปกครอง ด้านการเผยแผ่ ตั้งแต่บรรพชาอุปสมบทจนตลอดอายุขัย

- เกิดวันพุธ 29 ตค 2456 - เดือน12 ปีฉลู - หมู่บ้านโพน อ.คำม่วง กาฬสินธุ์
- 2484 สอบไล่ได้เปรียญธรรม 9 ประโยคที่วัดบวรนิเวศวิหาร พร้อมกับสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช (เจริญ สุวฑฺฒโน)

- ครั้งได้ฟังพระธรรมเทศนาของพระอ.มั่น กัณฑ์แรกเรื่อง "โทษของการเกิด" และกัณฑ์ที่2 เรื่อง "มุตโตทัย" - ท่านถึงกับลุกจากที่นั่งไปกราบพระอ.มั่น พร้อมกล่าวคำปฏิญาณว่า
"สาสเน อุรํ ทตฺวา ขอมอบกายถวายชีวิตนี้แก่พระพุทธศาสนา ชีวิตทั้งชีวิตนี้ขอมอบไว้ในพระศาสนา ขอให้ท่านพระอาจารย์เป็นสักขีพยานด้วย"
- จากนั้นตราบจนสิ้นอายุขัย ท่านได้ทำสัจวาจานั้นให้เป็นที่ปรากฎแก่ชนทั้งหลาย

- ท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดสุทธจินดาลำดับที่ 3 - ท่านมีแนวคิดกว้างไกล บริหารภายในวัด ตั้งเป้าไว้สูงให้พระเณรศิษย์วัดปฏิบัติตามเคร่งครัดและคัดเลือกหมู่คณะเข้ารับการอบรมที่วัดบวร ให้กลับมาเป็นบุคคลากรบริหารวัดช่วยเจ้าอาวาส
- ท่านริเริ่มก่อตั้งมูลนิธิ "สุทธจินดาราชสีมามูลนิธิ" - ได้ผลงานตามวัตถุประสงค์ ทุนทรัพย์เติบใหญ่
- เมื่อวางรากฐานการปกครองและการศึกษา เข้าสู่ความเจริญตามเป้าหมาย - ท่านได้ประกาศท่ามกลางคณะสงฆ์อย่างอาจหาญว่า "จะออกปฏิบัติวิปัสสนากัมมัฏฐานในป่า"
- ตั้งแต่ 2500 เป็นต้น ท่านได้สร้างวัด รังสีปาลิวัน บ้านโพน อ.คำม่วง กาฬสินธุ์ และได้ออกบำเพ็ญตามถ้ำ ผาหลายแห่ง

- ท่านปรารภถึงชีวิตท่านขณะเป็นพระอยู่ในเมืองว่า
"ชีวิตวันหนึ่งคืนหนึ่ง รู้สึกว่าจะน้อยมาก สำหรับที่จะทำความเพียร ไม่เพียงพอเลย - วันหนึ่งๆ มีแต่ต้อนรับผู้คน พูดคุยเรื่องต่างๆ เสียเวลาทำความเพียร เป็นการทำชีวิตให้เป็นหมัน เพราะเรื่องที่พูดนั้นเป็นเรื่องข้างนอกทั้งนั้นเป็นการคลุกคลีด้วยหมู่คณะจนเกินไป อันเป็นทางให้เกิดความประมาท- เป็นปปัญจธรรมคือธรรมอันเป็นเหตุให้เนิ่นช้าในคุณธรรมอันยิ่งขึ้นไป - หลงตัวลืมตัวมัวเมามืดมน อนธการ - คิดๆดูแล้ว ก็สงสารหมู่คณะที่อยู่ในเมือง
ถ้าจะให้เรากลับมาอยู่ในเมืองอีก ให้ตายเสียยังจะดีกว่า - เพราะรู้สึกอึดอัดคับแค้นใจมาก - ฟัง คิด พิจารณา เกิดมากี่ภพกี่ชาติ จึงจะมีโอกาสงามสำหรับบำเพ็ญสมณธรรมเช่นชาตินี้ - "ทุลฺลภขณสมฺปตฺติ"สมณศักดิ์ ตำแหน่ง ห้ามอบายภูมิไม่ได้ - แต่คุณความดี และศีล สมาธิ ปัญญาเท่านั้น ที่ห้ามอบายภูมิได้"

- 4 มิย. 2527 อายุ 71 ปี ท่านป่วยอัมพาต เพราะเส้นโลหิตในสมองแตก ทำให้พูดออกมาไม่เป็นคำพูด ฟังยาก แขนขาซีกขวาไม่ทำงาน ช่วยตัวเองได้ 10% - ท่านป่วยนานถึง 19 ปี ลูกศิษ์ใกล้ชิดช่วยสับเปลี่ยนดูแลพยาบาลมาโดยสม่ำเสมอ
- อนุปาทิเสสนิพพานอย่างสงบ 5 กพ 2546 - เวลา 20.25 - 90 ปี 68 พรรษา
ถวายเพลิงศพวันเสาร์ 15 มีค. 2546

ข้อมูล : http://www.bloggang.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น