อย่ากลัวตาย แต่ต้องเตรียมตัวตาย
สองสามวันที่ผ่านมา ผู้เขียนอยู่กับความหดหู่ใจด้ วยเรื่องราวสำคัญสองประการ หนึ่ง คือการมรณภาพของพระครูธี รสารโสภณ หรือที่ญาติโยมและลูกศิษย์ลู กหาเรียกขานท่านว่า หลวงปู่ศักดิ์ กับคลื่นยักษ์สึนามิถล่มภาคใต้ ทำให้ผู้คนบาดเจ็บล้มตายเป็ นจำนวนมาก
คลื่น ยักษ์สึนามิเกิดจากการเคลื่อนตั วของแผ่นดินไหวใต้ทะเลส่งผลไปทั ่วแถบทะเล อันดามัน ลามไปถึงอินเดีย ศรีลังกา ยอดคนตายและบาดเจ็บหลายแสนคน ทรัพย์สินเสียหายแทนจะประมาณค่ ามิได้
นับเป็นโศกนาฏกรรมอันใหญ่ยิ่ งในประวัติศาสตร์เลยทีเดียว
สำหรับ การมรณภาพของหลวงปู่ศักดิ์ หรือพระครูธีรสารโสภณ ต้องถือเป็นเรื่องช็อกของผู้เขี ยนอย่างมาก เพราะเมื่อวันก่อนเข้าพรรษาที่ ผ่านมายังเดินทางไปกราบเจดีย์ หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล ที่จังหวัดอุบลราชธานีด้วยกัน วันนั้นท่านยังแข็งแรงมากด้ วยกำลังวังชา ไม่เห็นริ้วรอยของความเจ็บไข้ ได้ป่วยแม้แต่น้อย
ใน วันวางศิลาฤกษ์ ศาลาอุโบสถวัดป่าพอก หลวงปู่ศักดิ์ก็ยังมาร่วมพิธีด้ วยรอยยิ้มแย้มแจ่มใส หากหลังจากนั้นเพียงสี่ห้าเดื อนท่านจากเราไปอย่างไม่คาดฝันด้ วยโรคร้ายมะเร็งในตับ
ผู้ เขียนได้รู้จักและกราบท่านครั้ งแรกเมื่อคราวสร้างวัดป่ าชนะสงคราม ที่อำเภอทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย ช่วงนั้นท่านมาวิเวกที่วัดป่าบ้ านเด่นดีหมี ห่างจากวัดที่ผู้เขียนกำลังสร้ างประมาณสี่ห้ากิโลเมตร แรก ๆ ท่านบอกกับญาติโยมว่าจะอาศั ยสถานที่ภาวนาสักระยะค่อยเดิ นทางต่อ...แต่ญาติ โยมนิมนต์ไว้ พรรษานั้นท่านจึงอยู่โปรดญาติ โยมตลอดทั้งพรรษา และหลังจากออกพรรษา หลวงปู่ศักดิ์ก็เดินธุดงค์เข้ าเขตพม่าทั้ง ๆ ที่ผู้เขียนได้นิมนต์เอาไว้แต่ ท่านได้ปฏิเสธด้วยความนิ่มนวล
“ขอไปก่อน...ใกล้เข้าพรรษาจะกลั บมาค่อยว่ากันอีกที”
พรรษาต่อมาวัดป่าชนะสงครามเสร็ จสิ้น ทาง คณะศรัทธาจัดพิธีมอบถวายให้สงฆ์ ภาระการก่อสร้างของผู้เขี ยนจบลงทำให้โอกาสเดินทางขึ้นสุ โขทัยลดน้อย พร้อม ๆ ข่าวคราวของหลวงปู่ศักดิ์เงี ยบหายไประยะหนึ่ง จนในเดือน พฤษภาคม ๒๕๔๖ ใกล้วันเกิดของผู้เขียน หลวงปู่ศักดิ์ได้ติดต่อผ่ านทางอาจารย์ประดิษฐ์ โชติโก ให้บอกภูเตศวรว่าปีนี้ท่ านจะมาจำพรรษาที่สำนักสงฆ์วัดป่ านาล้อม จังหวัดร้อยเอ็ด เมื่อรู้ข่าวผู้เขียนจึงเดิ นทางขึ้นไปกราบท่านทั้ง ๆ ที่ป่วยอยู่ วันที่ขึ้นไปตรงกับวันคล้ายวั นเกิดของตัวเองจึงได้ทำบุญเลี้ ยงพระไปด้วย
หลังฉันภัตตาหารเสร็จ หลวงปู่ศักดิ์ได้ปรารภว่าในวั นอายุครบ ๔๕ ขึ้น ๔๖ ของแม้ว หลวงปู่ทำกลด ๔๖ อันให้ แต่ขอเอาไว้ ๑๖ อันสำหรับถวายครูบาอาจารย์ พระเถระชั้นผู้ใหญ่ ส่วนที่เหลือ ๓๐ อันสุดแล้วแต่แม้วจะให้ใคร โดยท่านให้เหตุผลสั้น ๆ ว่า
“กลดจะได้กางกั้นภัยให้แม้วไง”
กลดจำนวนสามสิบอันผู้เขียนได้ จำแนกแจกจ่ายให้ลูกศิษย์ลูกหาบ้ าง หลายคนทำบุญมาได้เงิ นประมาณสามหมื่น สมทบงานบุญทอดกฐินที่วั ดอมราวาส จ.สุโขทัยทั้งหมด
นั่นคือความเมตตาของหลวงปู่ศั กดิ์ หรือพระครูธีรสารโสภณที่มีต่อภู เตศวร!
จาก ปี ๒๕๔๖ จนสิ้นพรรษา ได้พบปะท่านอีกครั้งสองครั้ง ครั้งสุดท้ายคืองานวางศิลาฤกษ์ ศาลาอุโบสถวัดป่าพอกช่ วงเทศกาลสงกรานต์ และตลอดช่วงเข้าพรรษาปี ๒๕๔๗ นี้ ได้ข่าวว่าท่านหวนคืนไปจำพรรษาท ี่วัดป่าศรีดงลาน อำเภอสีชมพู จังหวัดขอนแก่น ใกล้ ๆ กับบ้านเกิดของท่าน จนล่าสุดเมื่อวันที่ ๑๖ ธันวาคม ที่ผ่านมา ได้รับข่าวอันสุดงงงัน...ข่าวที ่ไม่คิดว่าจะเป็นจริง
หลวงปู่ศักดิ์หรือพระครูธี รสารโสภณ มรณภาพแล้ว!
เช้า วันที่ ๑๗ ผู้เขียนขับรถมุ่งหน้ าไปกราบศพท่าน จากนั้นจึงทราบเรื่องราวความจริ ง...ว่าตลอดพรรษาที่ผ่ านมาหลวงปู่ทนทุกข์กับ โรคร้ายอย่างไร ท่านต่อสู้กับมะเร็งในตับที่เจ็ บปวดอย่างสงบเงียบเยี่ยงพระป่ ากรรมฐาน แม้ก่อนหน้าจะละสังขารเพี ยงสามสี่วัน โยมจากทางไกลโทรศัพท์มาหา ถามข่าวคราว ท่านยังตอบสั้น ๆ “ยังสบายดีอยู่”
ทั้งปวงเพราะไม่ต้องการให้ญาติ โยมต้องลำบาก เพราะความป่วยไข้ เพราะการอาพาธของท่านมากกว่ าประการอื่น
ก่อน วันมรณภาพ ชาวบ้านและคณะศรัทธาวัดศรี ดงลานรู้ว่าหลวงปู่มีปัจจัยอยู่ ทั้งหมดเพียง ๔๐ บาท ขณะที่ทุกคนรู้แน่ชัดจากแพทย์ แล้วว่าอีกไม่กี่วันท่านต้ องมรณภาพอย่างแน่นอน ปัญหาจึงอยู่ที่การหาปัจจัยเพื่ อจัดงานศพ แต่หลวงปู่ก็ยังพูดแบบติดตลกด้ วยการชี้ไปยังต้นมะพร้าวที่ แคระแกร็นที่สุดในวัด
“เอาเชือกผูกคอลากไปฝังใต้ต้ นมะพร้าวต้นนั้นมันจะได้งามเหมื อนต้นอื่น ๆ เด้อ” แม้จะพูดยิ้มๆ แต่ท้ายสุดท่านยังแย้มให้คณะศรั ทธาวัดป่าศรีดงลานเห็นภาวะจิ ตระดับสูงของท่านด้วยประโยคที่ มั่นใจ
“อีกไม่นานด๊อก พวกเจ้าจะได้เห็นภูเตศวร เขาเป็นนักเขียนนะ เขาจะมาจัดการให้เองแหละ”
ครับ...จริงอย่างที่หลวงปู่ศั กดิ์ปรารภ ภูเตศวร มีโอกาสขึ้นไปจริง ๆ ขึ้นไปเป็นเจ้าภาพสวดอภิธรรม และมีโอกาสซื้อเจดีย์เล็ก ๆ บรรจุอัฐิธาตุของท่านหลั งการประชุมเพลิงเพื่อให้อนุชนรุ ่นหลังได้กราบไหว้ ต่อไป ขึ้นไปอย่างกะทันหันแบบไม่ทันตั ้งตัวอย่างที่ท่านกล่าวจริง ๆ
ฉบับ นี้คงไม่มีอะไรมากไปกว่ าการแสดงความเสียใจต่อญาติมิ ตรญาติธรรมผู้ใกล้ชิด หลวงปู่ศักดิ์ที่สูญเสียสุปฏิปั นโนพระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติ ชอบ สูญเสียครูบาอาจารย์ไปอย่างไม่ มีวันหวนกลับคืน รวมทั้งโศกนาฏกรรมจากคลื่นยักษ์ สึนามิที่ภาคใต้ด้วย
และขอให้ทุกท่านจงอยู่กับสติ... ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาท เพราะมรณกรรม...มรณภัย สามารถบังเกิดขึ้นในชีวิตมนุษย์ ตลอดเวลา โดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า
เหตุการณ์ทั้งปวงดังกล่าว ทำให้ผู้เขียนคิดถึงคำกล่ าวของหลวงปู่บุญจันทร์ กมโล วัดป่าสันติกาวาส อำเภอไชยวาน จังหวัดอุดรธานี ที่ท่านกล่าวถึงคุณอนุชิต ปุรสาชิต ที่เป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดด้ วยคำถามที่ว่า
“ผู้จัดการกลัวตายไหม?”
“กลัวครับ” คุณอนุชิตหรือเฮียกวงของผู้เขี ยนตอบตามจริง ท่านก็เลยหัวเราะ บอก...
“อย่ากลัวตาย เพราะคนเราทุกคนต้องตาย ไม่มีใครหลบเลี่ยงความตายได้" และทิ้งท้ายเบา ๆ “เพียงแต่เราต้องเตรียมตัวที่ จะตาย หาวิธีรับมือกับความตายอย่างไม่ ประมาท”
“เตรียมยังไงครับ?” เฮียกวงย้อนถาม ท่านเลยวิสัชชนาต่อ...
“หัดให้ทาน...ฝึกภาวนาให้มาก ถ้าใครทำได้จะไม่กลัวความตาย”
ประโยคสั้น ๆ ของหลวงปู่บุญจันทร์ จดจำอยู่ในใจผู้เขียนเสมอมา การรู้จักให้ทานแก่ผู้ควรให้คื อการสร้างพลปัจจัยแห่งบุญเพื่ อชาติภพในกาลข้างหน้า การภาวนาฝึกจิตคือการหาปั ญญาสำหรับการสิ้นทุกข์ในแก่ นพระนิพพาน
นั่นคือหน้าที่ของชาวพุทธที่พึ งกระทำอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งตรงกับพุทธดำรัสขององค์ พระบรมศาสดาที่ชาวเรารู้กันในพุ ทธโอวาทก่อนปรินิพพานที่ว่า...
“สังขารทั้งหลายย่อมมีการเสื่ อมสิ้นลงเป็นธรรมดา ฉะนั้นจงยังประโยชน์ตน... ประโยชน์ท่านให้ถึงพร้อมด้ วยความไม่ประมาทเถิด”
ประโยชน์ตนคือการปฏิบัติธรรม การเจริญสมาธิภาวนา ประโยชน์ท่านคือการช่วยเหลือเกื ้อกูลผู้อื่นด้วยการให้ทาน ด้วยความเมตตากรุณา ซึ่งตรงกับแก่นธรรมอันเป็นไตรสิ กขาบทที่เราท่านมิอาจลืมเลือน คือ ‘ศีล ทาน ภาวนา’ นั่นเอง
ครับ...ก็ต้องจากลากันด้ วยประโยคที่ว่า... อย่ารู้แค่จดจำ แต่รู้แล้วต้องกระทำจึงจะเป็ นผลสำเร็จ...จึงอยากถามว่า
“...ปีใหม่นี้ท่านเริ่มต้นทำแล้--
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น