วันนี้ วันพฤหัสบดีที่ ๓ มีนาคม ๒๕๕๔ เป็นวันโกน
พรุ่งนี้ วันศุกร์ที่ ๔ มีนาคม ๒๕๕๔ เป็นวันพระ ตรงกับวันแรม ๑๔ ค่ำ เดือนสาม (๓) ปีขาล
ขอเชิญสาธุชนชาวพุทธ ทำบุญ ถือศีล เข้าวัด ฟังธรรมเทศนา สวดมนต์ ทำความดี กันนะคะ^^
ปฏิทินวันพระปี 2554 นะคะ
บทความธรรมวันนี้
“การรักษาอุโบสถศีล(ศีล ๘) มีผลมาก มีอานิสงส์มาก แม้ความสุขของพระราชาผู้ทรงเป็ นใหญ่ใน ๑๖ แคว้น ก็ยังไม่ถึงเสี้ยวที่ ๑๖ ของอุโบสถที่ประกอบด้วยองค์ ๘ เพราะศีลนั้นทำให้เกิดในสวรรค์”
อุโบสถศีล เป็นกุศลวิธีที่นำพามนุษย์ไปสู่ สวรรค์มาตั้งแต่มนุษย์ยุคต้นกัป ถ้าเป็นอุโบสถในพระพุทธศาสนา เรียกว่า อุโบสถประกอบด้วยองค์ ๘ ซึ่งก็หมายถึงรักษาศีล ๘ ในวันพระนั่นเอง ในยุคสมัยที่ยังไม่มีพระพุ ทธศาสนา ผู้ปรารถนาสวรรค์จะชักชวนกันรั กษาอุโบสถศีล เพราะถือว่าเป็นอริยประเพณีที่ มีมาช้านาน
แม้กระทั่งพระเจ้าจักรพรรดิราช ก่อนจะทรงครองความเป็นใหญ่ในทวี ปทั้ง ๔ ก็ต้องสมาทานอุโบสถศีลอย่างเคร่ งครัดทุกๆ วันขึ้น ๑๕ ค่ำ อานิสงส์ของอุโบสถศีล
ทำให้ รัตนะทั้ง ๗ ประการ มีจักรแก้ว เป็นต้น บังเกิดขึ้น เป็นของคู่บุญ ทำให้พระองค์ ทรงสามารถปกครองโลกให้เกิดสันติ สุข ครั้นละโลกแล้วก็ได้ไปเสวยสุ ขในสุคติโลกสวรรค์
ทำให้ รัตนะทั้ง ๗ ประการ มีจักรแก้ว เป็นต้น บังเกิดขึ้น เป็นของคู่บุญ ทำให้พระองค์
อุโบสถศีล แปลว่า การเข้าอยู่จำโดยถือศีล ๘ ข้อ วันอุโบสถหรือวันพระนั้น เป็นวันที่เราจะต้อง อยู่เยี่ยงพระ คือบำเพ็ญเนกขัมมะนั่นเอง ศีลแปดที่รักษากันในวันพระ เรียกว่า อุโบสถศีล
ผู้ครองเรือนทั่วไปไม่สะดวกถื อศีล ๘ ได้ทุกวัน ก็จะหาโอกาสมาถือศีลกันเฉพาะวั นพระเช่นนี้จึงเรียกว่า รักษาอุโบสถศีล
ระยะเวลาของการรักษาอุโบสถศีล
การรักษาอุโบสถ มี ๓ อย่าง สามารถเลือกรักษาได้ตามความพร้ อมของแต่ละบุคคล คือ
๑. ปกติอุโบสถ คือ อุโบสถที่รักษากันเฉพาะวันที่ กำหนดไว้ ในปัจจุบันนี้กำหนดเอาวันพระ คือ วัน ๘ ค่ำ และ ๑๕ ค่ำ ทั้งข้างขึ้นและข้างแรม
๒. ปฏิชาครอุโบสถ คืออุโบสถที่รักษากันครั้งละ ๓ วัน โดยการถือเพิ่มการรักษาก่ อนกำหนด ๑ วัน เรียกว่า วันรับ และหลังวันกำหนดอีก ๑ วัน เรียกว่า วันส่ง จึงรวมเป็นรักษาคราวละ ๓ วัน คือ วันรับ วันรักษา และวันส่ง รวม ๓ วัน ๓ คืน
๓. ปาฏิหาริยปักขอุโบสถ คือ อุโบสถที่รักษาครั้งละหลายๆ วัน เช่น ตลอดพรรษา ๓ เดือนบ้าง ตลอด ๑ เดือนบ้าง
หรือครึ่งเดือนจำนวน ๑๕ วันบ้าง
หรือครึ่งเดือนจำนวน ๑๕ วันบ้าง
ศีลอุโบสถนั้น มีองค์ประกอบทั้งหมด ๘ ข้อ ถ้าขาดไปข้อใดข้อหนึ่ง ก็ไม่เรียกว่าศีลอุโบสถตาม พุทธบัญญัติ
เพราะฉะนั้นการล่วงศีลอุโบสถเพี ยงข้อใดข้อเดียว ก็ถือว่าขาดศีลอุโบสถ พูดง่ายๆ ว่า ขาดศีลข้อเดียวก็ขาดหมดทั้ง ๘ ข้อ ผู้ที่รักษาอุโบสถศีลจึงต้ องสำรวมระวัง กาย วาจา เป็นพิเศษ
เพราะฉะนั้นการล่วงศีลอุโบสถเพี
อุโบสถศีล มี ๘ ประการ
อุโบสถศีลประกอบด้วยองค์ ๘ มีดังนี้ คือ
อุโบสถศีลประกอบด้วยองค์ ๘ มีดังนี้ คือ
๑. ปาณาติปาตา เวรมณี งดเว้นจากการทำชีวิตสัตว์ให้ ตกล่วงไป
๒. อทินนาทานา เวรมณี งดเว้นจากการถือเอาของที่เจ้ าของมิได้ให้
๓. อพรหมจริยา เวรมณี งดเว้นจากกรรมอันเป็นข้าศึกต่ อการประพฤติผิดพรหมจรรย์
๔. มุสาวาทา เวรมณี งดเว้นจากการกล่าวเท็จ รวมถึงวจีกรรมในรูปแบบต่างๆ
๕. สุราเมรยมัชชปมาทัฏฐานา เวรมณี งดเว้น จากการดื่มสุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท
๖. วิกาลโภชนา เวรมณี งดเว้นจากการบริโภค อาหารในเวลาวิกาล
๗. นัจจคีตวาทิตวิสูกทัสสนมาลาคั นธวิเลปน-ธารณมัณฑนวิภูสนัฏฐานา เวรมณี งดเว้นจากการฟ้อนรำ ขับร้อง ประโคมดนตรี
และดูการละเล่นอันเป็นข้าศึกต่ อกุศล ลูบทาทัดทรงประดับตกแต่งร่ างกายด้วยพวงดอกไม้ ของหอม เครื่องย้อม เครื่อง ทาอันจัดว่าเป็นการแต่งตัว
และดูการละเล่นอันเป็นข้าศึกต่
๘. อุจจาสยนมหาสยนา เวรมณี งดเว้นจากการนั่ง และการนอนบนที่นอนสูงใหญ่
เป้าหมายหลักในการรักษาอุโบสถศี ลนั้น ก็ เพื่อทำให้จิตใจสงบ ไม่กวัดแกว่งฟุ้งซ่านไปในเรื่ องกามารมณ์
แต่ยึดเอาพระนิพพานเป็นอารมณ์ ถือ เป็นการประพฤติพรหมจรรย์ของคฤหั สถ์ผู้ที่ยังไม่ปรารถนาออกบวช
โดยปกติวันพระ พุทธศาสนิกชน ที่สะดวกก็จะพากันแต่งชุ ดขาวไปสมาทานอุโบสถศีล และฟังธรรมที่วัด แล้วพักอาศัยอยู่ที่วัด
จนกว่าจะครบกำหนด ถ้าไม่ได้ไปวัด ก็จะตั้งใจสมาทานศีล ด้วยตนเอง จะเปล่งวาจาสมาทานหรือเพียงแต่ ตั้งเจตนาไว้ก็ได้ทั้งนั้น
เป้าหมายหลักในการรักษาอุโบสถศี
แต่ยึดเอาพระนิพพานเป็นอารมณ์ ถือ เป็นการประพฤติพรหมจรรย์ของคฤหั
โดยปกติวันพระ พุทธศาสนิกชน ที่สะดวกก็จะพากันแต่งชุ
จนกว่าจะครบกำหนด ถ้าไม่ได้ไปวัด ก็จะตั้งใจสมาทานศีล ด้วยตนเอง จะเปล่งวาจาสมาทานหรือเพียงแต่
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัส อุปมาถึงอานิสงส์ ของการรักษาอุโบสถศีลไว้ว่า ถ้าจะนำมาเปรียบกับสมบัติ ของพระราชา ที่แม้จะครองความเป็นใหญ่ถึง ๑๖ แคว้น ก็ยังไม่ถึงเสี้ยวของผลบุญอั นเกิดจากการ รักษาอุโบสถเลย เพราะสมบัติมนุษย์
เป็นสมบัติ หยาบเหมือนสมบัติของคนกำพร้า มีความสุขได้ไม่กี่ร้อยปีก็ต้ องพลัดพรากซึ่งเทียบไม่ได้กั บการได้เสวย
ทิพยสมบัติอันยาวนานในสวรรค์ที่ เกิดจากอานิสงส์ของการรักษาอุ โบสถ
เป็นสมบัติ หยาบเหมือนสมบัติของคนกำพร้า มีความสุขได้ไม่กี่ร้อยปีก็ต้
ทิพยสมบัติอันยาวนานในสวรรค์ที่
การรักษาอุโบสถศีลนี้ แม้ว่าจะมีโอกาสรักษาได้ไม่นาน แต่กลับสามารถส่งผลให้มีอานิ สงส์มากมายเกินควรเกินคาดได้
ดังเรื่องที่เกิดขึ้นมาแล้ว ในสมัยพุทธกาล เรื่องมีอยู่ว่า
ดังเรื่องที่เกิดขึ้นมาแล้ว ในสมัยพุทธกาล เรื่องมีอยู่ว่า
อานิสงส์ของการรักษาอุโบสถศีล
จะเห็นได้ว่า เพียงการรักษาอุโบสถครึ่งวั นและทำด้วยความเต็มใจ ยังได้อานิสงส์ขนาดนี้ แล้วถ้าหากใครได้รักษาอย
ู่เนืองนิตย์อานิสงส์นั้นพรรณนา อย่างไรก็ไม่หมด เป็นบุญใหญ่ที่จะนำพาให้ได้ สวรรค์สมบัติ เวียนวนอยู่แต่ในสุคติภูมิเท่ านั้น เมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์ จะถึงพร้อมด้วยรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ ในที่สุดจะได้นิพพานสมบัติ เข้าถึงความสุขอันเป็นอมตะ ผู้ที่รักษาอุโบสถศีลจะได้รั บอานิสงส์มากมายเกินควรเกินคาด อย่างน้อยๆ ก็สามารถแบ่งออกเป็น ๕ ข้อ คือ
๑. ย่อมได้รับโภคทรัพย์ใหญ่ เพราะความไม่ประมาทเป็นเหตุ
ู่เนืองนิตย์อานิสงส์นั้นพรรณนา อย่างไรก็ไม่หมด เป็นบุญใหญ่ที่จะนำพาให้ได้
๑. ย่อมได้รับโภคทรัพย์ใหญ่ เพราะความไม่ประมาทเป็นเหตุ
๒. เกียรติศัพท์อันงามของผู้มีศีล ย่อมฟุ้งขจรไปไกล
๓. ผู้มีศีลเข้าไปสู่สมาคมใดๆ ย่อมเข้าไปอย่างองอาจไม่เก้อเขิ น
๔. ผู้มีศีลย่อมไม่หลงทำกาละ คือ ไม่หลงเผลอสติในเวลาตาย
๕. ผู้มีศีล ตายแล้วย่อมเข้าถึงสุคติ โลกสวรรค์ เข้าถึงความเป็นสหายแห่งเทพ
นอกจากนี้ ศีล ยังเป็นบาทเบื้องต้นแห่งสมาธิ ทำให้ใกล้ต่อมรรคผลนิพพาน ดังนั้นคนที่ตั้งใจรักษาศีลได้ บริสุทธิ์ก็จะมีผลต่อ
การนั่งสมาธิไปด้วย ดังนั้น พุทธศาสนิกชนที่ดีก็ควรที่จะตั้ งใจรักษาศีลให้บริสุทธิ์ ทั้งยังต้องเป็นกัลยาณมิตรชั กชวนคนรอบ
ข้างมาสั่งสมบุญใหญ่ ที่เกิดจากการรักษาอุโบสถศีล เพื่อฟื้นฟูวัฒนธรรมชาวพุทธให้ แข็งแรงยิ่งขึ้นไป
การนั่งสมาธิไปด้วย ดังนั้น พุทธศาสนิกชนที่ดีก็ควรที่จะตั้
ข้างมาสั่งสมบุญใหญ่ ที่เกิดจากการรักษาอุโบสถศีล เพื่อฟื้นฟูวัฒนธรรมชาวพุทธให้
บุคคลแม้จะงดงามด้ วยเครื่องประดับอันมีค่า ก็ยังไม่งามเท่าผู้มีศีลเป็ นอาภรณ์ ผู้มีศีลย่อมติเตียนตนเองไม่ได้ เมื่อพิจารณาถึงศีลที่บริสุทธิ์ ย่อมเกิดปีติทุกเมื่อ
ศีลจึงเป็นรากฐานแห่งความดีทุ กอย่างและกำจัดความชั่วทั้งปวง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น