อาสวะ ๔
อาสวนฺติ จิรํ ปริวสนฺตีติ อาสวา ฯ สิ่งใดถูกหมักดองอยู่นาน ๆ สิ่งนั้น ชื่อว่า อาสวะ
อาสว =อา(วัฏฏทุกข์ที่ยาวนาน หากำหนดมิได้)+สว(เจริญรุ่งเรือง) = ธรรม ที่ทำให้วัฏฏทุกข์อันยาวนาน ไม่มีกำหนดนั้น เจริญรุ่งเรืองไม่มีที่สิ้นสุด
อายตํ สงฺสารทุกฺขํ สวนฺติ ปสวนฺติ วฑฺเฒนฺตีติ อาสวา ฯ ธรรมเหล่าใด ทำให้วัฏฏทุกข์ที่ยาวนานนั้นเจริญรุ่งเรือง ธรรมเหล่านั้นชื่อว่า อาสวะ
ภวโต อาภวคฺคา ธมฺมโต อาโคตฺรภุมฺหา สวนฺติ อารมฺมณกรณวเสน ปวตฺตนฺตีติ อาสวา ฯ ธรรมเหล่าใดไหลไปถึงหรือเกิดได้ถึง ว่าโดยภูมิถึงภวัคคภูมิ ว่าโดยธรรมถึงโคตรภู ด้วยอำนาจกระทำให้เป็นอารมณ์ ธรรมเหล่านั้นชื่อว่า อาสวะ
อาสว = อา(มีขอบเขตถึงภวัคคภูมิ คือเนวสัญญานาสัญญายตนภูมิ หรือมี ขอบเขตถึงโคตรภู) + สว(เกิดได้ไหลไปได้)
กิเลสนี่แหละ เมื่อเกิดบ่อย ๆ ก็เคยชิน เลยสะสมจมดองอยู่ในจิตตสันดาน ครั้นจิตประสบกับอารมณ์ใด ด้วยความเคยชินของกิเลสที่หมักหมมจมดองอยู่ ก็ขึ้น มาปรุงแต่งจิตให้น้อมไปตามกิเลสนั้น ๆ อาการที่หมักหมมจมดองอยู่เช่นนี้ จึงเรียก ว่า อาสวะ เมื่อยังมีอาสวะอยู่ตราบใด ตราบนั้นก็ยังต้องวนเวียนอยู่ใน สังสารวัฏฏ
ขนฺธานญฺจ ปฏิปาฏิ ธาตุอายตนานญฺจ อพฺโพจฺฉินฺนํ วตฺตมานา สํสาโรติ ปวุจฺจติ ฯ (อัฏฐสาลินี)
แปลความว่า ลำดับของขันธ์ ธาตุ อายตนะ ที่เป็นอยู่โดยไม่ขาดสายนั้น เรียกว่า สังสาระ
อาสวะมี ๔ ประการ คือ
๑. กามาสวะ จมอยู่ในความติดใจแสวงหากามคุณทั้ง ๕ คือ รูป เสียง กลิ่น รส และการสัมผัสถูกต้อง องค์ธรรมได้แก่ โลภเจตสิกที่ในโลภมูลจิต ๘
๒. ภวาสวะ จมอยู่ในความชอบใจยินดีในอัตภาพของตน ตลอดจนชอบใจ อยากได้ในรูปภพ อรูปภพ องค์ธรรมได้แก่ โลภเจตสิกที่ในทิฏฐิคตวิปปยุตตจิต ๔
๓. ทิฏฐาสวะ จมอยู่ในความเห็นผิดจากความเป็นจริงแห่งสภาวธรรมหรือผิด ทำนองคลองธรรม จึงมีความติดใจในความเห็นผิดนั้น องค์ธรรมได้แก่ ทิฏฐิเจตสิก ที่ในทิฏฐิคตสัมปยุตตจิต ๔
๔. อวิชชาสวะ จมอยู่ในความไม่รู้เหตุผลตามความเป็นจริง จึงได้ โลภ โกรธ หลง องค์ธรรมได้แก่ โมหเจตสิก ที่ในอกุสลจิต ๑๒
รวมอาสวะมี ๔ แต่วัตถุธรรมหรือองค์ธรรมมีเพียง ๓ เท่านั้นคือ โลภเจตสิก ทิฏฐิเจตสิก และ โมหเจตสิก
อัฏฐสาลินีอรรถกถา แสดงความหมายแห่งอาสวะทั้ง ๔ นี้ว่า
ปญฺจกามคุณิโก ราโค กามาสโว นาม ฯ ความติดใจใคร่ได้ในกามคุณ ๕ ชื่อว่า กามาสวะ
รูปารูป ภเวสุ ฉนฺทราโค ฌานนิกนฺติ สสฺสตทิฏฺฐิ สหชาโต ราโค ภววเสน ปตฺถนา ภวาสโว นาม ฯ ความชอบใจรักใคร่ในรูปภพ อรูปภพ ความใคร่ในฌาน ราคะที่เกิดพร้อมด้วยสัสสตทิฏฐิ ความปรารถนาด้วยอำนาจมุ่งภพ ชื่อว่า ภวาสวะ
ทฺวาสฏฺฐีทิฏฺฐิโย ทิฏฺฐิสโว นาม ฯ ทิฏฐิ ๖๒ ชื่อว่า ทิฏฐาสวะ
อฏฺฐสุ ฐาเนสุ อญฺญานํ อวิชฺชาสโว นาม ฯ ความไม่รู้ในฐาน ๘ ชื่อว่า อวิชชาสวะ
ไม่รู้ในฐาน ๘ คือ ไม่รู้อริยสัจ ๔, ไม่รู้อดีต ๑, ไม่รู้อนาคต ๑, ไม่รู้ทั้งอดีต ทั้งอนาคต ๑, และไม่รู้ปฏิจจสมุปปาท ๑
กามาสโว อนาคามิมคฺเคน ปหียตี ภวาสโว อรหตฺตมคฺเคน ทิฏฺฐาสโว โสตาปตฺติมคฺเคน อวิชฺชาสโว อรหตฺตมคฺเคน ฯ
อนาคามิมัคค ประหาร กามาสวะ
อรหัตตมัคค ประหาร ภวาสวะ
โสดาปัตติมัคค ประหาร ทิฏฐาสวะ
อรหัตตมัคค ประหาร อวิชชาสวะ
"ธรรมและวินัยอันใด เราแสดงแล้ว บัญญัติแล้วแก่พวก
--
จากเอื้อ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น