ความเป็นมาของชื่อเมือง
จันทบุรี เดิมชื่อเมือง”จันทบูร” มีความหมายว่า เมืองพระจันทร์ ซึ่งจะหมายถึงความสงบร่มเย็นเป็ นสุข
ดังนั้นธงประจำจังหวัดจันทบุรี จึงเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดกว้าง 80 เซนติเมตร ยาว 120 เซนติเมตร ผืนธงสีแดง มุมด้านซ้ายมือของผืนธงประกอบด้ วย ดวงตราประจำจังหวัดอยู่ในรูปสี่ เหลี่ยมจตุรัสพื้นสีน้ำเงิน เป็นรูปกระต่ายอยู่ในดวงจันทร์ เปร่งแสงเป็นประกาย แสงจันทร์ หมายถึง ความสวยงามเยือกเย็นและละมุ นละไม เปรียบได้กับความสงบรื่นรมย์ และร่มเย็นเป็นสุขของภูมิภาคนี้
รูปกระต่ายเป็นสัญญลักษณ์ส่ วนหนึ่งของดวงจันทร์ ซึ่งชาวไทยโดยทั่วไปเชื่อว่า มีอยู่เช่นนั้นมาตั้งแต่สมัยดึ กดำบรรพ์ เช่นเดียวกับจันทบุรีเป็นเมื องโบราณ ที่มีชื่อปรากฏอยู่ ในพงศาวดารมาตั้งแต่แรกสร้างกรุ งศรีอยุธยา
ตำนานของเมืองจั นทบุรี เรื่องเมือง กาไว และพระนางกาไว ตำนานนี้มีผู้เล่าสืบต่อๆกั นมาว่า”กษัตริย์ผู้ ครองนครโบราณ(ชื่อนครอะไรไม่ ปรากฏ แต่เป็นเมืองที่เชิงเขาสระบาป คือเมืองดั้งเดิมของจันทบุรี) พระองค์หนึ่งทรงพระนามว่า พระเจ้าพรหมทัต(บางคนก็ว่ าทรงพระนามว่า เจ้าบริพงษ์วงษ์สุริยาฆาต) มีพระโอรสกับพระเอกอัครมเหสี 2 พระองค์ พระเชษฐทรงพระนามว่า พระไวยทัต และพระอนุชาทรงพระนามว่า พระเกตุทัต ต่อมาพระเอกอัครมเหสีสิ้ นพระชนม์ พระองค์จึงได้ทรงอภิเษกพระมเหสี องค์ใหม่ ทรงพระนามว่า พระนางกาไว ซึ่งทรงพระสิริพิลาศ เป็นที่โปรดปรานของพระเจ้ าพรหมทัตยิ่งนักและมีโอรสด้วยกั นอีก 1 พระองค์
พระนางกาไว มีพระประสงค์จะให้โอรสของนางได้ ครองราชสมบัติในนคร(จันทบุรี)จึ งได้ทูลขอให้พระเจ้าพรหมทัต
ส่งพระโอรสของพระมเหสีเดิ มออกไปสร้างเมืองอยู่ในท้องที่ กันดาร ทางเหนือแดนต่อแดน (เขตอำเภอโป่งน้ำร้อน ในปัจจุบัน) ทั้ง 2 พระองค์ พระเจ้าพรหมทัตก็ตามใจ ต่อมาเมื่อพระเจ้าพรหมทัตสวรรคต พระนางกาไวจึงสถาปนาพระราชบุ ตรของพระนางขึ้นเป็นกษัตริย์ ครองนครต่อไป และพระนางเป็นผู้สำเร็ จราชการเพราะพระราชบุตรยังเยาว์ พระชนม์อยู่ ดังนั้นนครนี้จึงเรียกกันติ ดปากว่า”เมืองกาไว”
ต่อมาพระไวยทั ตและพระเกตุทัต รู้เรื่องพระบิ ดาสวรรคตและพระนางกาไวครองเมือง จึงยกกองทัพลงมาเพื่อจะชิงเมื องคืน แต่กองทัพสู้กำลังกองทั พพระนางกาไวยไม่ได้จึงถอยทั พไปและขอกำลังจากกษัตริย์ขอม ซึ่งประทัพอยู่ ณ นครธรม มาช่วยแก้แค้นโดยสัญญาว่า เมื่อได้เมืองแล้วจะแบ่งเมื องให้ ซึ่งกษัตริย์ขอมก็ได้ส่งกองทั พมาช่วยกองทัพคราวนี้ได้ยกมาตั้ งพลับพลาพักพลอยู่นอกเมือง ตำบลที่พักพลนี้เรียกว่า” ตำบลพลับพลา”ซึ่งยังเรียกมาจนถึ งปัจจุบันนี้ เมื่อส่ งคนไปเจรจาไม่ได้ผล กองทัพของพระไวยทัตและขอมก็เข้ าตีเมืองจันทบุรี พระนางกาไวเห็นว่าจะสู้ไม่ได้ จึงขนพระราชทรัพย์ขึ้นหลังช้ างที่เพนียด (ปัจจุบันยังมีหลักฐานหลงเหลื ออยู่) เปิดประตูเมืองด้านทิศใต้หนีไป พอกองทัพพระไวยทัตเข้าเมืองได้ ก็ให้ทหารออกติดตามไป พระนางกาไวเห็นว่าจะจวนตัวก็ เอาทองและเพชรพลอยออกหว่านเพื่ อให้ทหารข้าศึกมัวพะวงเก็บทอง และรีบลงเรือแล่นหนีไป สถานที่ซึ่งพระนางกาไวหว่ านทองคำไว้เรียกว่า”ทองทั่ว” ในปัจจุบันนี้ยังมีชื่อบ้ านทองทั่ว ตั้งอยู่
วันออกของประเทศไทย ทิศเหนือติดกับจังหวัดฉะเชิ งเทรา สระแก้วและปราจีนบุรี ทิศตะวันออกติดกับจังหวัดตราดแล ะราชอาณาจักรกัมพูชาทิศใต้ติดกับอ่าวไทย และทิศตะวันตกติดกับจังหวั ดระยองและชลบุรี อยู่ห่างจากกรุงเทพมหานครประมาณ 245 กิโลเมตร สภาพพื้นที่มีทั้งป่าไม้ ภูเขา ที่ราบสูง ที่ราบลุ่มน้ำ และที่ราบชายฝั่งทะเล
กฐานทางประวัติศาสตร์ เชื่อกันว่ามีอายุไม่ต่ำกว่า 1,000 ปี สร้างขึ้นโดยชนชาติ ชอง บางตำนานก็ว่าสร้างโดยชนชาติขอม หัวเมืองเดิมตามศิลาจารึกเรี ยกว่า "ควนคราบุรี" ชาวพื้นเมืองเรียกว่า "เมืองกาไว" ตามชื่อผู้ปกครอง เมืองจันทบุรีเดิมตั้งอยู่บริ เวณหน้าเขาสระบาป มีชนพื้นเมืองเดิมอาศัยอยู่เรี ยกว่า ชาวชอง มีภาษาพูดเป็นภาษาของตนเอง ซึ่งแตกต่างจากภาษาไทยและภาษาเข มร เจ้าผู้ครองเมืองที่ยิ่งใหญ่ ในตำนานคือ พระเจ้าพรหมทัต (พ.ศ. 1349-1399) ครั้นถึงปี พ.ศ. 1800 ได้มีการย้ายถิ่นฐานมาสร้างเมื องใหม่ที่บ้านหัววัง ตำบลพุงทลาย ซึ่งอยู่ใกล้กับแม่น้ำจันทบุรีใ นปัจจุบัน
ต่อมาปี พ.ศ. 2200 ได้ย้ายมาสร้างเมืองใหม่ที่บ้ านลุ่ม อยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจั นทบุรี ในปี พ.ศ. 2310 หลังจากกรุงศรีอยุธยาเสียกรุ งให้แก่พม่า สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้ เข้ายึดเมืองจันทบุรีเพื่อใช้ เป็นแหล่งสะสมเสบี ยงอาหารและรวบรวมกำลั งพลในการกอบกู้กรุงศรีอยุธยาคื นจากพม่า ในคราวนั้นเจ้าเมืองจันทบุรี นามว่าเจ้าขรัวหลาน(ยศเจ้าเมื องจันทบุรีเดิม) ชึ่งราษฎรเลือกขึ้นเมื่อเสียกรุ งศรีอยุธยา โดยหวังว่าพระยาจันทบูรณ์จะช่ วยปกป้องรักษาเมืองจันทบุรีให้ อยู่รอดสืบต่อไป ได้ต่อต้านกองทัพของสมเด็ จพระเจ้าตากสินมหาราช โดยได้พยายามทำทุกวิถีทางเพื่ อให้เมืองจันทบุรีอยู่รอดเป็นอิ สระ รักษาแผ่นดินไว้ให้ชนชาติบูรพา แต่สุดท้ายก็ต้องปราชัยพ่ายแพ้ แก่กองทัพของสมเด็จพระเจ้าตากสิ นมหาราช โดยพระองค์ทรงใช้พญาช้างศึกบุ กชนกำแพงเมืองจนสามารถเข้าตีเมื องเอาไว้ได้สำเร็จ เจ้าเมืองจันทบุรีได้หลบภัยไปอา ณาจักรกัมพูชาจนถึงแก่อสัญกรรม เมืองจันทบุรีจึงตกเป็นของสยามน ับแต่นั้นเป็นต้นมา
ต่อมาในปี พ.ศ. 2436 ฝรั่งเศสได้เข้ายึดเมืองจันทบุ รีไว้นานถึง 11 ปี[3]เนื่องจากไทยมีข้อพิพาทเรื่องดิ นแดนฝั่งขวาของแม่น้ำโขง โดยฝรั่งเศสกล่าวหาว่าไทยล่วงล้ ำดินแดนอาณานิคมของฝรั่งเศส ส่วนไทยได้อ้างว่าดินแดนดังกล่ าวเป็นของไทย ฝ่ายไทยเห็นว่าจะต่อสู้ ทางทหารฝรั่งเศสไม่ได้จึงขอเปิ ดการเจรจา ทางฝรั่งเศสยื่นคำขาด โดยฝ่ายไทยต้องยอมยกดินแดนที่ เป็นข้อพิพาทรวมทั้งเกาะทั้ งหมดในลำน้ำโขง พร้อมเงินอีกหนึ่งล้านฟรังก์ และสามล้านบาท โดยจนกว่าจะดำเนินการเสร็จฝรั งเศสจะยึดเมืองจันทบุรีไว้ก่อน แต่เมื่อทางไทยดำเนินการเสร็จ ฝรั่งเศสไม่ได้ถอนกำลังออก ฝ่ายไทยจึงต้องยอมยกเมืองตราดแล ะเมืองประจันตคีรีเขตร์(เกาะกง) เพื่อแลกกับเมืองจันทบุรี และอีกหนึ่งปีต่อมาไทยยอมยกเมื องพระตะบอง เสียมราฐ และศรีโสภณ เพื่อแลกเมืองตราดคืนมา แต่ฝรั่งเศสไม่ได้คืนเมืองประจั นตคีรีเขตร์แต่อย่างใด ปัจจุบันเมืองประจันตคีรีเขตร์ จึงอยู่ในการปกครองของราชอาณาจั กรกัมพูชา ต่อมามีการจัดระเบียบบริ หารราชการส่วนภูมิภาคเป็นแบบมณฑ ลเทศาภิบาล จัดตั้งมณฑลจันทบุรี โดยมีเมืองจันทบุรี ระยอง และตราดอยู่ในเขตการปกครองจนถึ งปี พ.ศ. 2476 ภายหลังการเปลี่ ยนแปลงการปกครองเป็ นระบอบประชาธิปไตย จึงยกเลิกมณฑลเทศาภิบาลและได้จั ดระเบียบบริหารราชการแผ่นดิ นใหม่ โดยแบ่งออกเป็นจังหวัดและอำเภอ ดังนั้นเมืองจันทบุรีจึงมี ฐานะเป็นจังหวัด จนถึงปัจจุบันนี้
จันทบุรี เดิมชื่อเมือง”จันทบูร” มีความหมายว่า เมืองพระจันทร์ ซึ่งจะหมายถึงความสงบร่มเย็นเป็
ดังนั้นธงประจำจังหวัดจันทบุรี จึงเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ขนาดกว้าง 80 เซนติเมตร ยาว 120 เซนติเมตร ผืนธงสีแดง มุมด้านซ้ายมือของผืนธงประกอบด้
รูปกระต่ายเป็นสัญญลักษณ์ส่
ตำนานของเมืองจั
พระนางกาไว มีพระประสงค์จะให้โอรสของนางได้
ส่งพระโอรสของพระมเหสีเดิ
ต่อมาพระไวยทั
จังหวัดจันทบุรี
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
ไปที่: ป้ายบอกทาง, ค้นหา
|
- สำหรับจันทบุรี ในความหมายอื่น ดูที่ จันทบุรี (แก้ความกำกวม)
เนื้อหา[ซ่อน] |
ตำนานและความเป็นมา
จันทบุรีเป็นเมืองเก่าจากหลัต่อมาปี พ.ศ. 2200 ได้ย้ายมาสร้างเมืองใหม่ที่บ้
ต่อมาในปี พ.ศ. 2436 ฝรั่งเศสได้เข้ายึดเมืองจันทบุ
--
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น