วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2554

ความมหัศจรรย์ของมนุษย์ ในการทำลายล้างธรรมชาติ

Click Me!



..เมื่อมีความเจริญ..มีการพัฒนา(ในภาษาของธรรมชาติการพัฒนาของมนุษย์คือ.. การทำลายล้างธรรมชาติ) มีถนนลากยาว ไปถึงไหนก็บรรลัยวายวอดที่นั่น..ป่าเริ่มถูกเปิด บริสุทธิ์..จุดเริ่มต้นของหายนะ..
   
..ท่านอาจไม่เชื่อว่าความมหัศจรรย์ของมนุษย์มีพรสวรรค์ในทางทำลายล้างอย่างหาสัตว์พันธุ์ ไหนมาทาบรัศมีได้ยาก..ภูเขา...ซึ่งมีอายุยืนยาว มานับร้อยนับพันปี.. แต่มนุษย์เพียงคนเดียว สามารถถากถางป่าจนโล่งเตียนได้ภายในเวลาไม่กี่วัน.. 
 
..ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นจุดสีขาว ๆ เล็ก ๆ อยู่ 2-3 จุดด้านล่างขวามือ..นั่นเป็นกระท่อมหลัง น้อยที่ผู้บุกรุกอาศัยอยู่..คน ไม่น่า จะเกิน คนแต่สามารถทำลายป่าจนภูเขาหมดเป็นลูก ๆ ..น่าชื่นชมซะไม่มี..
   
..เมื่อมีผู้ว่าราชการมารับตำแหน่งใหม่ ๆ ..ท่านได้ขอ ฮ.ทบ. เพื่อบินสำรวจอาณาเขตป่า ที่ท่านต้องรับผิดชอบ..ก่อนขึ้น เครื่องท่านได้พูดถึงนโยบายที่วาดไว้สวยหรูเรื่องการอนุรักษ์ ป่าจนท่านบอกว่ากับพวกผมว่า "ถ้าระหว่างบินไปทำงานแล้วพบเจอว่ามีการตัดไม้ทำลายป่า ให้แจ้งท่านเป็นการส่วนตัวได้ตลอดเวลา"


..ยิ่งบินลึกเข้าไปในป่า..เสียงของท่านผู้ว่า ฯ ก็เบาลงเรื่อย ๆ บางช่วงก็ถึงกับเงียบจนผมต้อง หันไปมองดูว่าท่านยังสบายดี อยู่หรือเปล่า.. ผมกลัวว่าท่านจะช็อกกับภาพที่เห็นกระจะตาอยู่ เบื้องล่าง..และเป็นการได้เห็นด้วยตาของตนเองต่าง จากรายงานบนแผ่นกระดาษอย่างสิ้นเชิง..


..ภูเขาหมดเป็นลูก ๆ แบบนี้บ้านผมเรียกว่า "วายวอดไม่ใช่การบุกรุกป่า.. แต่เป็นการทำ ลายล้างป่าต้นน้ำของประเทศไทยให้สูญพันธ์ไปอย่างรวดเร็วที่สุด..ท่านผู้ว่าฯ ของผมไม่ได้ ถึงกับเงียบจนเกินไปนัก..เพราะบางช่วงแม้เสียงใบพัด ฮ.จะดังสนั่นหวั่นไหว.. หูผมอาจฝาด ไปก็ได้..เพราะผมคิดว่าผมได้ยินเสียงท่านผู้ว่า ฯ ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่..ผมเองก็ไม่ แน่ใจว่าอุดมการณ์อันแรงกล้าของท่านที่จะยืนหยัดรักษาป่าต้นน้ำไว้ให้ลูกหลานคนไทย..จะ ยังคงเหนียวแน่นมั่นคงอยู่หรือเปล่า..ในยามที่ได้มาเห็นความจริงต่อหน้าต่อตาแบบนี้..



..ไม้มีค่าจำพวก "ต้นสักทองจะถูกตัดโค่นและขนลำเลียงออกมาก่อน..ส่วนที่เหลือก็ไม่มี ความหมายอันใด..จัดการฌาปนกิจป่าทั้งป่าให้ไปสู่ที่ชอบที่ชอบ.. ยามเมื่อคนตัดไม้เหน็ด เหนื่อยยังมีเวลาได้พัก..ตกกลางคืนก็มีเวลาได้นอนหลับพักผ่อนมี เวลาให้ป่าได้พักจากการถูก ทำลาย..แต่การทำลายป่าด้วยวิธีการเผา..ไฟป่าจะโหมไหม้ตลอด 24 ชม. ไม่มีเวลาได้หยุดพัก.. ไฟจะลามต่อเนื่องกินพื้นที่นับร้อยนับพันไร่เพียงข้ามคืน..ท่านลองดูด้วยตาจะเห็นว่าควันไฟ จากการเผาทำลายป่ามันสามารถทำให้ป่าทั้งป่ามืดคลึ้ม..ท้องฟ้าที่เคยเป็นสีฟ้ากลับกลายเป็นสี เทา..ผมไม่ได้หมายถึงป่าจำนวน 10 หรือ 100 ไร่..แต่ มันหมายถึงป่าที่ผมมองไปจนสุดสายตา แต่ไม่เห็นอะไรเลย..นอกจากควันไฟ..


..แล้วเมืองก็ผุดขึ้นกลางป่า..กลางหุบเขา..รีสอรท์เอย..โรงแรมเอย..ไหนจะสนามกอล์ฟ.. ไร่ส้ม..พืชผักปลอดสารพิษของชนกลุ่มน้อย..ภาพ นี้ถ่ายจากอำเภอแม่ริม จ.เชียงใหม่..



..รีสอร์ทกลางหุบเขาของใครเอ่ยยย.. ..ขอเชิญท่านมาเป็นแขกของเรา.. บรรยากาศท่ามกลางขุนเขา..อากาศบริสุทธิ์..และถ้า ท่านใดเคยเป็นลูกค้ารีสอร์ท ประเภทนี้..ขอยินดีกับท่านด้วยที่ท่านเป็นหนึ่งในผู้เห็นดีเห็น งามกับการทำลายป่า.. เงินของท่านจะได้เป็นส่วนหนึ่งของกองทุนในการทำลายป่าขยาย กิจการของรีสอร์ทออกไปให้เจริญรุดหน้า.. ..ยามที่ท่านตื่นขึ้นยามเช้า..เดินไปออกไปชื่นชมธรรมชาติ ที่ระเบียงห้องพักของรีสอร์ท.. พร้อมกับสูดลมหายใจอัน แสนบริสุทธิ์ของป่าเข้าไปเต็มปอด..และรำพึงรำพันออกมาด้วย ความสุข..ขอให้ท่านรับรู้ว่า..ป่ากำลังร้องไห้..ความสุขของท่านยืนอยู่บนซากของต้นไม้ นับร้อยนับพัน..


..ลองนึกภาพดูว่าในร่องเขาแบบนี้..ถ้าฝนตกลงมา..กระแสน้ำจากบนภูเขาจะไหลไปทาง ไหน..เป้าหมายของมันก็คือหมู่บ้านเชิงเขา.. และเราก็จะได้เห็นภาพของการสูญเสียทั้งชีวิต และทรัพย์สิน..ได้อ่านข่าวทั้งจากหนังสือพิมพ์และนั่งดูข่าว ผ่านทีวีทุกช่องด้วยความตกอก ตกใจว่า..มันเป็นไปได้อย่างไร..ทำไมธรรมชาติช่างโหดร้ายกับมนุษย์ผู้ใสซื่อตัวเล็ก ๆเช่นนี้.. ..คนตายก็ตายไป.. พวกที่อยู่ก็ยังคงถากถางทำลายป่าแลกเงินกันต่อไปหามีจิตสำนึกไม่.. บทเรียนกี่ครั้งที่ผ่านมาไม่ได้ช่วยให้เราฉลาดขึ้นเลยสักนิด.. ธรรมชาติปรับตัวเป็นเรื่องปกติ.. แต่มนุษย์เองมิใช่หรือที่นำพาตัวเองเข้าไปอยู่ในที่ ๆ ไม่ควร อยู่.. เหมือนไปนอนอยู่กลางถนน ท่ามกลางอันตรายจากรถยนต์ที่วิ่งผ่านไปมา..ยามเมื่อมีการตายการสูญเสียเราจะโทษ ป่า.. โทษภัยธรรมชาติว่าโหดร้ายได้อย่างไร.. ..สองมือยังถากถางทำลายป่ากันไม่หยุด..แต่ปากก็ร้องถามว่า..ทำไมธรรมชาติจึงโหดร้ายนัก.. มันช่างไม่ยุติธรรมกับมนุษย์ ตัวเล็ก ๆ เลย..ทำไมไม่ต่างคนต่างอยู่..ธรรมชาติมายุ่งกับมนุษย์ ทำไม....เฮ้อออออ...มนุษย์หนอมนุษย์..!!!



..เมื่อฝนเริ่มตก..ด้วยความลาดชันของภูเขา..ดินที่ปราศจากการยึดด้วยรากของต้นไม้.. เมื่อปริมาณน้ำยิ่งมากขึ้น.. ดินก็ยิ่ง มีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้นทุกทีจากการอมน้ำไว้ด้วยปริมาณมาก แล้วมันก็จะพังทลายลงมา.. ไหลลงไปรวมกันในร่องเขา..พัด กวาดท่อนซุงที่มนุษย์ทิ้งไว้ บนเขาลงมาด้วย..ยิ่งภูเขาสูงชันเท่าไร..กระแสน้ำที่ไหลลงมาจะมีความเร็วและรุนแรงบ้าคลั่ง.. พัดกวาดต้นไม้ชนิดถอนรากถอนโคน..จุดหมายของพวกมันคือ..หมู่บ้านและเมืองเบื้องล่าง..


..หมู่บ้านในหุบเขา..ตามเชิงเขาจะโดนถล่มก่อนเป็นการปลดปล่อยพลังครั้งแรกของมัน.. ในภาพไม่ใช่กองไม้จิ้มฟัน.. แต่ เป็นซุงขนาดต่าง ๆ ไหลลงมาจากภูเขาเข้าถล่มหมู่บ้าน.. ขอย้ำว่า..มันคือท่อนซุงครับท่าน..



มองไปทางไหนไม่เห็นอะไรเลย..นอกจากท่อนซุงและทะเลโคลน..


บริเวณนี้เคยเป็นนาข้าวลุ่มแม่น้ำที่เขียวขจี..แต่ตอนนี้มีแต่โคลนหนาเป็นฟุต..



..ลงมาดูที่พื้นด้านล่าง..คราวนี้เชื่อหรือยังล่ะครับว่าที่มองเห็นทางอากาศเหมือนไม้จิ้มฟัน มันเป็นท่อนซุงจริง ๆ ..


..กองนี้แยกไม่ออกเลยว่าอะไรเป็นอะไร..



..โรงเรียน เหลือเพียงเสาโด่เด่..มันเคยเป็นอาคารเรียนมาก่อน..จะมองเห็นซากของเสาธง ที่เด็ก ๆ ใช้เคารพธงชาติยามเช้าด้าน ซ้ายมือ..


นายทุนรวยเอา ๆ นอนสบายอยู่ในเมืองครับ.. ส่วนชาวบ้านเป็นเหยื่อรับจ้างตัดไม้ก็ถูกจับ เวลาเกิดภัยจาก ธรรมชาติตัวชาวบ้านเองก็เป็นผู้รับเคราะห์.. น่าสงสารที่สุดคือชาวบ้าน ตาดำ ๆ ทำไปด้วยความไม่รู้ว่าผลที่ตามมาจะรุนแรง ขนาดไหน..เงินและทรัพย์สมบัติที่สร้าง สมมาจากการรับจ้างตัดไม้..ยามธรรมชาติมาทวงคืนต้องคืนทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย คือชีวิต ของตัวเองหรือไม่ก็เป็นคนในครอบครัวที่ตัวเองรัก..



..ป่าปิดไปนานแล้วครับ แต่ประตูหลังไม่ได้ปิดแถมยังเปิดกว้างกว่าประตูหน้าซะอีก..นับ จากวันที่ประกาศปิดป่า ต้นไม้ยังคงถูกลำเลียงออกจากป่าไม่มีวันหยุด.. อนปิดป่า ๆ จะถูกตัด ทำลายอย่างถูกกฏหมายจากเจ้าของสัมปทานเพียงกลุ่มเดียวซึ่งเขาจะคอยสอดส่องไม่ให้ชาว บ้านเข้ามากอบโกยผลประโยชน์แข่งกับพวกเขา..แต่พอปิดป่ายกเลิกทุก สัมปทานป่าก็กลาย เป็นของสาธารณะพวกนายทุนเจ้าของสัมปทานเดิมก็แอบเข้าไปตัด.. ชาวบ้านก็ร่วมสังฆกรรม ดัวย..ต่างคนต่างทำงานของตัวเองอย่างแข็งขัน..ไม่มีใครว่าใคร..มือใครยาวสาวได้สาวเอา.. สุดท้ายก็..เละ ..คนสมัยก่อนพึ่งพาอาศัยป่าด้วยความเคารพในฐานะที่ป่าคือชีวิต..คือแหล่งอาหาร..คือแหล่ง ของสมุนไพรรักษาโรค..คือที่ อยู่อาศัย..ทุกคนอยู่กันอย่างพอเพียงล่าสัตว์ได้ ตัวก็กลับบ้าน กินหมดแล้วค่อยไปออกล่าหาเอาใหม่..ตัดไม้พอปลูกบ้าน อาศัยก็เพียงพอแล้ว..ป่าก็สงบเรียบ ร้อย.. ..แต่ปัจจุบันทุกอย่างเป็นเงินเป็นทอง..ทุกคนต่างแข่งขันกันสร้างฐานะไม่รู้จักพอ..เพื่อสะสม เงินทองให้ได้มากที่สุด..สุด ท้ายทุกคนต้องมาร่วมกันชดใช้..เราต้องมาเผชิญกรรมร่วมกัน..


 
..ไม่ว่าจะอยู่ในป่าหรือในเมือง..ความเดือดร้อนจากผลของการกระทำของคนเพียงหยิบมือ ได้ส่งผลมาถึงคนที่อยู่ในเมือง..นับพัน..นับหมื่น..นับแสน..และนับล้าน....!!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น