ศีล ๒๒๗ มีความหมายคือ ศีลสำหรับพระภิกษุ ซึ่งพระภิกษุต้องถือศีล ๒๒๗ ข้อ โดยอยู่ในภิกขุปาฏิโมกข์ศีล ๒๒๗ ข้อที่เป็นวินัยของสงฆ์ ทำผิดถือว่าเป็นอาบัติ สามารถแบ่งออกได้เป็นลำดับขั้น ตั้งแต่ขั้นรุนแรงจนกระทั่ ปาราชิก มี ๔ ข้อ สังฆาทิเสส มี ๑๓ ข้อ อนิยต มี ๒ ข้อ (อาบัติที่ไม่แน่ว่าจะปรับข้ นิสสัคคิยปาจิตตีย์ ๓๐ ข้อ (อาบัติที่ต้องสละสิ่งของว่าด้ ปาจิตตีย์ มี ๙๒ ข้อ (ว่าด้วยอาบัติที่ไม่ต้องสละสิ่ ปาฏิเทสนียะ มี ๔ ข้อ (ว่าด้วยอาบัติที่พึงแสดงคืน) เสขิยะ (ข้อที่ภิกษุพึงศึกษาเรื่ โภชนปฏิสังยุตต์ มี ๓๐ ข้อ (ว่าด้วยการฉันอาหาร) ธัมมเทสนาปฏิสังยุตต์ มี ๑๖ ข้อ (ว่าด้วยการแสดงธรรม) ปกิณสถะ มี ๓ ข้อ (เบ็ดเตล็ด) อธิกรณสมถะ มี ๗ ข้อ (ธรรมสำหรับระงับอธิกรณ์) รวมทั้งหมดแล้ว ๒๒๗ ข้อ ผิดข้อใดข้อหนึ่งถือว่าต้องอาบั ปาราชิก มี ๔ ข้อได้แก่ ๑. เสพเมถุน แม้กับสัตว์เดรัจฉานตัวเมีย (ร่วมสังวาสกับคนหรือสัตว์) ๒. ถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ ๓. พรากกายมนุษย์จากชีวิต (ฆ่าคน)หรือแสวงหาศาสตราอั ๔. กล่าวอวดอุตตริมนุสสธัมม์ อันเป็นความเห็นอย่างประเสริฐ อย่างสามารถ น้อมเข้าในตัวว่า ข้าพเจ้ารู้อย่างนี้ ข้าพเจ้าเห็นอย่างนี้ (ไม่รู้จริง แต่โอ้อวดความสามารถของตัวเอง) สังฆาทิเสส มี ๑๓ ข้อ ถือเป็นความผิดหากทำสิ่งใดต่ ๑.ปล่อยน้ำอสุจิด้วยความจงใจ เว้นไว้แต่ฝัน ๒.เคล้าคลึง จับมือ จับช้องผม ลูบคลำ จับต้องอวัยวะอันใดก็ตามของสตรี ๓.พูดจาหยาบคาย เกาะแกะสตรีเพศ เกี้ยวพาราสี ๔.การกล่าวถึงคุณในการบำเรอตนด้ ๕.ทำตัวเป็นสื่อรัก บอกความต้องการของอีกฝ่ายให้กั ๖.สร้างกุฏิด้วยการขอ ๗.สร้างวิหารใหญ่ โดยพระสงฆ์มิได้กำหนดที่ รุกรานคนอื่น ๘.แกล้งใส่ความว่าปาราชิกโดยไม่ ๙.แกล้งสมมุติแล้วใส่ความว่ ๑๐.ยุยงสงฆ์ให้แตกกัน ๑๑.เป็นพวกของผู้ที่ทำสงฆ์ให้ ๑๒.เป็นผู้ว่ายากสอนยาก และต้องโดนเตือนถึง 3 ครั้ง ๑๓. ทำตัวเป็นเหมือนคนรับใช้ ประจบคฤหัสถ์ อนิยตกัณฑ์ มี ๒ ข้อได้แก่ ๑. การนั่งในที่ลับตา มีอาสนะกำบังอยู่กับสตรีเพศ และมีผู้มาเห็นเป็นผู้ที่เชื่ ๒. ในสถานที่ที่ไม่เป็นที่ลับตาเสี นิสสัคคิยปาจิตตีย์ มี ๓๐ ข้อ ถือเป็นความผิดได้แก่ ๑.เก็บจีวรที่เกินความจำเป็นไว้ ๒.อยู่โดยปราศจากจีวรแม้แต่คื ๓.เก็บผ้าที่จะทำจีวรไว้เกิ ๔.ใช้ให้ภิกษุณีซักผ้า ๕.รับจีวรจากมือของภิกษุณี ๖.ขอจีวรจากคฤหัสถ์ที่ไม่ใช่ ๗.รับจีวรเกินกว่าที่ใช้นุ่ง เมื่อจีวรถูกชิงหรือหายไป ๘.พูดทำนองขอจีวรดีๆ กว่าที่เขากำหนดจะถวายไว้แต่เดิ ๙.พูดให้เขารวมกันซื้อจีวรดีๆ มาถวาย ๑๐.ทวงจีวรจากคนที่รับอาสาเพื่ ๑๑.หล่อเครื่องปูนั่งที่เจือด้ ๑๒.หล่อเครื่องปูนั่งด้วยขนเจี ๑๓.ใช้ขนเจียมดำเกิน ๒ ส่วนใน ๔ ส่วน หล่อเครื่องปูนั่ง ๑๔.หล่อเครื่องปูนั่งใหม่ เมื่อของเดิมยังใช้ไม่ถึง ๖ ปี ๑๕.เมื่อหล่อเครื่องปูนั่งใหม่ ให้เอาของเก่าเจือปนลงไปด้วย ๑๖.นำขนเจียมไปด้วยตนเองเกิน ๓ โยชน์ เว้นแต่มีผู้นำไปให้ ๑๗.ใช้ภิกษุณีที่ไม่ใช้ญาติ ๑๘.รับเงินทอง ๑๙.ซื้อขายด้วยเงินทอง ๒๐.ซื้อขายโดยใช้ของแลก ๒๑.เก็บบาตรที่มีใช้เกิ ๒๒.ขอบาตร เมื่อบาตรเป็นแผลไม่เกิน ๕ แห่ง ๒๓.เก็บเภสัช ๕ (เนยใส เนยข้น น้ำมัน น้ำผึ้ง น้ำอ้อย)ไว้เกิน ๗ วัน ๒๔.แสวงและทำผ้าอาบน้ำฝนไว้เกิ ๒๕.ให้จีวรภิกษุอื่นแล้วชิงคื ๒๖.ขอด้ายเอามาทอเป็นจีวร ๒๗.กำหนดให้ช่างทอทำให้ดีขึ้น ๒๘.เก็บผ้าจำนำพรรษา (ผ้าที่ถวายภิกษุเพื่ออยู่ ๒๙.อยู่ป่าแล้วเก็บจีวรไว้ในบ้ ๓๐.น้อมลาภสงฆ์มาเพื่อให้ ปาจิตตีย์ มี ๙๒ ข้อได้แก่ ๑.ห้ามพูดปด ๒.ห้ามด่า ๓.ห้ามพูดส่อเสียด ๔.ห้ามกล่าวธรรมพร้อมกับผู้ไม่ ๕.ห้ามนอนร่วมกับอนุปสัมบัน(ผู้ ๖.ห้ามนอนร่วมกับผู้หญิง ๗.ห้ามแสดงธรรมสองต่อสองกับผู้ ๘.ห้ามบอกคุณวิเศษที่มีจริงแก่ ๙.ห้ามบอกอาบัติชั่วหยาบของภิ ๑๐.ห้ามขุดดินหรือใช้ให้ขุด ๑๑.ห้ามทำลายต้นไม้ ๑๒.ห้ามพูดเฉไฉเมื่อถูกสอบสวน ๑๓.ห้ามติเตียนภิกษุผู้ ๑๔.ห้ามทิ้งเตียงตั่งของสงฆ์ไว้ ๑๕.ห้ามปล่อยที่นอนไว้ ไม่เก็บงำ ๑๖.ห้ามนอนแทรกภิกษุผู้เข้ ๑๗.ห้ามฉุดคร่าภิกษุออกจากวิ ๑๘.ห้ามนั่งนอนทับเตียงหรือตั่ ๑๙.ห้ามพอกหลังคาวิหารเกิน ๓ ชั้น ๒๐.ห้ามเอาน้ำมีสัตว์รดหญ้าหรื ๒๑.ห้ามสอนนางภิกษุณีเมื่อมิได้ ๒๒.ห้ามสอนนางภิกษุณีตั้งแต่ ๒๓.ห้ามไปสอนนางภิกษุณีถึงที่ ๒๔.ห้ามติเตียนภิกษุอื่นว่ ๒๖.ห้ามเย็บจีวรให้นางภิกษุณีผู ๒๗.ห้ามเดินทางไกลร่วมกับนางภิ ๒๘.ห้ามชวนนางภิกษุณีเดินทางเรื ๒๙.ห้ามฉันอาหารที่นางภิกษุณี ๓๐.ห้ามนั่งในที่ลับสองต่อสองกั ๓๑.ห้ามฉันอาหารในโรงพักเดิ ๓๒.ห้ามฉันอาหารรวมกลุ่ม ๓๓.ห้ามรับนิมนต์แล้วไปฉั ๓๔.ห้ามรับบิณฑบาตเกิน ๓ บาตร ๓๕.ห้ามฉันอีกเมื่อฉันในที่นิ ๓๖.ห้ามพูดให้ภิกษุที่ฉันแล้วฉั ๓๗.ห้ามฉันอาหารในเวลาวิกาล ๓๘.ห้ามฉันอาหารที่เก็บไว้ค้ ๓๙.ห้ามขออาหารประณีตมาเพื่อฉั ๔๐.ห้ามฉันอาหารที่มิได้รั ๔๑.ห้ามยื่นอาหารด้วยมือให้ชี ๔๒.ห้ามชวนภิกษุไปบิณฑบาตด้ ๔๓.ห้ามเข้าไปแทรกแซงในสกุลที่ ๔๔.ห้ามนั่งในที่ลับมีที่กำบั ๔๕.ห้ามนั่งในที่ลับ (หู) สองต่อสองกับมาตุคาม ๔๖.ห้ามรับนิมนต์แล้วไปที่อื่ ๔๗.ห้ามขอของเกินกำหนดเวลาที่ ๔๘.ห้ามไปดูกองทัพที่ยกไป ๔๙.ห้ามพักอยู่ในกองทัพเกิน ๓ คืน ๕๐.ห้ามดูเขารบกันเป็นต้น เมื่อไปในกองทัพ ๕๑.ห้ามดื่มสุราเมรัย ๕๒.ห้ามจี้ภิกษุ ๕๓.ห้ามว่ายน้ำเล่น ๕๕.ห้ามหลอกภิกษุให้กลัว ๕๔.ห้ามแสดงความไม่เอื้อเฟื้ ๕๖.ห้ามติดไฟเพื่อผิง ๕๗.ห้ามอาบน้ำบ่อยๆเว้นแต่มี ๕๘.ให้ทำเครื่องหมายเครื่องนุ่ ๕๙.วิกัปจีวรไว้แล้ว (ทำให้เป็นสองเจ้าของ-ให้ยืมใช้ ๖๐.ห้ามเล่นซ่อนบริขารของภิกษุ ๖๑.ห้ามฆ่าสัตว์ ๖๒.ห้ามใช้น้ำมีตัวสัตว์ ๖๓.ห้ามรื้อฟื้นอธิกรณ์(คดี ๖๔.ห้ามปกปิดอาบัติชั่ ๖๕.ห้ามบวชบุคคลอายุไม่ถึง ๒๐ ปี ๖๖.ห้ามชวนพ่อค้าผู้หนีภาษีเดิ ๖๗.ห้ามชวนผู้หญิงเดินทางร่วมกั ๖๘.ห้ามกล่าวตู่พระธรรมวินัย (ภิกษุอื่นห้ามและสวดประกาศเกิน ๓ ครั้ง) ๖๙.ห้ามคบภิกษุผู้กล่าวตู่ ๗๐.ห้ามคบสามเณรผู้กล่าวตู่ ๗๑.ห้ามพูดไถลเมื่อทำผิดแล้ว ๗๒.ห้ามกล่าวติเตียนสิกขาบท ๗๓.ห้ามพูดแก้ตัวว่า เพิ่งรู้ว่ามีในปาฏิโมกข์ ๗๔.ห้ามทำร้ายร่างกายภิกษุ ๗๕.ห้ามเงื้อมือจะทำร้ายภิกษุ ๗๖.ห้ามโจทภิกษุด้วยอาบัติสั ๗๗.ห้ามก่อความรำคาญแก่ภิกษุอื่ ๗๘.ห้ามแอบฟังความของภิกษุผู้ ๗๙.ให้ฉันทะแล้วห้ามพูดติเตียน ๘๐.ขณะกำลังประชุมสงฆ์ ห้ามลุกไปโดยไม่ให้ฉันทะ ๘๑.ร่วมกับสงฆ์ให้จีวรแก่ภิกษุ ๘๒.ห้ามน้อมลาภสงฆ์มาเพื่อบุคคล ๘๓.ห้ามเข้าไปในตำหนั ๘๔.ห้ามเก็บของมีค่าที่ตกอยู่ ๘๕.เมื่อจะเข้าบ้านในเวลาวิกาล ต้องบอกลาภิกษุก่อน ๘๖.ห้ามทำกล่องเข็มด้วยกระดูก งา หรือเขาสัตว์ ๘๗.ห้ามทำเตียง ตั่งมีเท้าสูงกว่าประมาณ ๘๘.ห้ามทำเตียง ตั่งที่หุ้มด้วยนุ่น ๘๙.ห้ามทำผ้าปูนั่งมีขนาดเกิ ๙๐.ห้ามทำผ้าปิดฝีมีขนาดเกิ ๙๑.ห้ามทำผ้าอาบน้ำฝนมีขนาดเกิ ๙๒.ห้ามทำจีวรมีขนาดเกินประมาณ ปาฏิเทสนียะ มี ๔ ข้อได้แก่ ๑. ห้ามรับของคบเคี้ยว ของฉันจากมือภิกษุณีมาฉัน ๒. ให้ไล่นางภิกษุณีที่มายุ่งให้ ๓. ห้ามรับอาหารในสกุลที่สงฆ์สมมุ ๔. ห้ามรับอาหารที่เขาไม่ได้จั เสขิยะ สารูป มี ๒๖ ข้อได้แก่ ๑.นุ่งให้เป็นปริมณฑล (ล่างปิดเข่า บนปิดสะดือไม่ห้อยหน้าห้อยหลัง) ๒.ห่มให้เป็นนปริมณฑล (ให้ชายผ้าเสมอกัน) ๓.ปกปิดกายด้วยดีไปในบ้าน ๔.ปกปิดกายด้วยดีนั่งในบ้าน ๕.สำรวมด้วยดีไปในบ้าน ๖.สำรวมด้วยดีนั่งในบ้าน ๗.มีสายตาทอดลงไปในบ้าน (ตาไม่มองโน่นมองนี่) ๘.มีสายตาทอดลงนั่งในบ้าน ๙.ไม่เวิกผ้าไปในบ้าน ๑๐.ไม่เวิกผ้านั่งในบ้าน ๑๑.ไม่หัวเราะดังไปในบ้าน ๑๒.ไม่หัวเราะดังนั่งในบ้าน ๑๓.ไม่พูดเสียงดังไปในบ้าน ๑๔.ไม่พูดเสียงดังนั่งในบ้าน ๑๕.ไม่โคลงกายไปในบ้าน ๑๖.ไม่โคลงกายนั่งในบ้าน ๑๗.ไม่ไกวแขนไปในบ้าน ๑๘.ไม่ไกวแขนนั่งในบ้าน ๑๙.ไม่สั่นศีรษะไปในบ้าน ๒๐.ไม่สั่นศีรษะนั่งในบ้าน ๒๑.ไม่เอามือค้ำกายไปในบ้าน ๒๒.ไม่เอามือค้ำกายนั่งในบ้าน ๒๓.ไม่เอาผ้าคลุมศีรษะไปในบ้าน ๒๔.ไม่เอาผ้าคลุมศีรษะนั่งในบ้ ๒๕.ไม่เดินกระโหย่งเท้า ไปในบ้าน ๒๖.ไม่นั่งรัดเข่าในบ้าน โภชนปฏิสังยุตต์ มี ๓๐ ข้อคือหลักในการฉันอาหารได้แก่ ๑.รับบิณฑบาตด้วยความเคารพ ๒.ในขณะบิณฑบาต จะแลดูแต่ในบาตร ๓.รับบิณฑบาตพอสมส่วนกับแกง (ไม่รับแกงมากเกินไป) ๔.รับบิณฑบาตแค่ ๕.ฉันบิณฑบาตโดยความเคารพ ๖.ในขณะฉันบิณฑบาต และดูแต่ในบาตร ๗.ฉันบิณฑบาตไปตามลำดับ (ไม่ขุดให้แหว่ง) ๘.ฉันบิณฑบาตพอสมส่วนกับแกง ไม่ฉันแกงมากเกินไป ๙.ฉันบิณฑบาตไม่ขยุ้มแต่ยอดลงไป ๑๐.ไม่เอาข้าวสุกปิดแกงและกับด้ ๑๑.ไม่ขอเอาแกงหรือข้าวสุกเพื่ ๑๒.ไม่มองดูบาตรของผู้อื่นด้ ๑๓.ไม่ทำคำข้าวให้ใหญ่เกินไป ๑๔.ทำคำข้าวให้กลมกล่อม ๑๕.ไม่อ้าปากเมื่อคำข้าวยั ๑๖.ไม่เอามือทั้งมือใส่ ๑๗.ไม่พูดในขณะที่มีคำข้าวอยู่ ๑๘.ไม่ฉันโดยการโยนคำข้าวเข้ ๑๙.ไม่ฉันกัดคำข้าว ๒๐.ไม่ฉันทำกระพุ้งแก้มให้ตุ่ย ๒๑.ไม่ฉันพลางสะบัดมือพลาง ๒๒.ไม่ฉันโปรยเมล็ดข้าว ๒๓.ไม่ฉันแลบลิ้น ๒๔.ไม่ฉันดังจับๆ ๒๕.ไม่ฉันดังซูด ๆ ๒๖.ไม่ฉันเลียมือ ๒๗.ไม่ฉันเลียบาตร ๒๘.ไม่ฉันเลียริมฝีปาก ๒๙.ไม่เอามือเปื้อนจับภาชนะน้ำ ๓๐.ไม่เอาน้ำล้างบาตรมีเมล็ดข้ ธัมมเทสนาปฏิสังยุตต์ มี ๑๖ ข้อคือ ๑.ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ที ๒.ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ที ๓.ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ที ๔.ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ที ๕.ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ที ๖.ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ที ๗.ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ที ๘.ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ที ๙.ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ที ๑๐.ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ ๑๑.ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ ๑๒.ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ ๑๓.ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ ๑๔.ไม่แสดงธรรมแก่คนไม่เป็นไข้ ๑๕.ภิกษุเดินไปข้างหลังไม่ ๑๖.ภิกษุเดินไปนอกทางไม่ ปกิณสถะ มี ๓ ข้อ ๑. ภิกษุไม่เป็นไข้ไม่ยืนถ่ายอุ ๒. ภิกษุไม่เป็นไข้ไม่ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ หรือบ้วนน้ำลายลงในของเขียว (พันธุ์ไม้ใบหญ้าต่างๆ) ๓. ภิกษุไม่เป็นไข้ไม่ถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ หรือบ้วนน้ำลายลงในน้ำ อธิกรณสมถะ มี ๗ ข้อได้แก่ ๑. ระงับอธิกรณ์ (คดีความ หรือความที่ตกลงกันไม่ได้) ในที่พร้อมหน้า (บุคคล วัตถุ ธรรม) ๒. ระงับอธิกรณ์ (คดีความ หรือความที่ตกลงกันไม่ได้) ด้วยการยกให้ว่าพระอรหันต์เป็ ๓. ระงับอธิกรณ์ (คดีความ หรือความที่ตกลงกันไม่ได้) ด้วยยกประโยชน์ให้ในขณะเป็นบ้า ๔. ระงับอธิกรณ์ (คดีความ หรือความที่ตกลงกันไม่ได้) ด้วยถือตามคำรับของจำเลย ๕. ระงับอธิกรณ์ (คดีความ หรือความที่ตกลงกันไม่ได้) ด้วยถือเสียงข้างมากเป็นประมาณ ๖. ระงับอธิกรณ์ (คดีความ หรือความที่ตกลงกันไม่ได้) ด้วยการลงโทษแก่ผู้ผิด ๗. ระงับอธิกรณ์ (คดีความ หรือความที่ตกลงกันไม่ได้) ด้วยให้ประนีประนอมหรือเลิกแล้ |
.
พระภิกษุต้องถือศีล ๒๒๗ ข้ออันได้แก่ ศีล ๒๒๗ ข้อที่เป็นวินัยของสงฆ์ ทำผิดถือว่าเป็นอาบัติ สามารถแบ่งออกได้เป็นลำดับขั้น ตั้งแต่ขั้นรุนแรงจนกระทั่ ปาราชิก มี ๔ ข้อ สังฆาทิเสส มี ๑๓ ข้อ อนิยต มี ๒ ข้อ (อาบัติที่ไม่แน่ว่าจะปรับข้ นิสสัคคิยปาจิตตีย์ ๓๐ ข้อ (อาบัติที่ต้องสละสิ่งของว่าด้ ปาจิตตีย์ มี ๙๒ ข้อ (ว่าด้วยอาบัติที่ไม่ต้องสละสิ่ ปาฏิเทสนียะ มี ๔ ข้อ (ว่าด้วยอาบัติที่พึงแสดงคืน) เสขิยะ (ข้อที่ภิกษุพึงศึกษาเรื่ สารูปมี ๒๖ ข้อ (ความเหมาะสมในการเป็นสมณะ) โภชนปฏิสังยุตต์ มี ๓๐ ข้อ (ว่าด้วยการฉันอาหาร) ธัมมเทสนาปฏิสังยุตต์ มี ๑๖ ข้อ (ว่าด้วยการแสดงธรรม) ปกิณสถะ มี ๓ ข้อ (เบ็ดเตล็ด) อธิกรณสมถะ มี ๗ ข้อ (ธรรมสำหรับระงับอธิกรณ์) รวมทั้งหมดแล้ว ๒๒๗ ข้อ ผิดข้อใดข้อหนึ่งถือว่าต้องอาบั ปาราชิก มี ๔ ข้อได้แก่ ๑. เสพเมถุน แม้กับสัตว์เดรัจฉานตัวเมีย (ร่วมสังวาสกับคนหรือสัตว์) ๒. ถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ ๓. พรากกายมนุษย์จากชีวิต (ฆ่าคน)หรือแสวงหาศาสตราอั ๔. กล่าวอวดอุตตริมนุสสธัมม์ อันเป็นความเห็นอย่างประเสริฐ อย่างสามารถ น้อมเข้าในตัวว่า ข้าพเจ้ารู้อย่างนี้ ข้าพเจ้าเห็นอย่างนี้ (ไม่รู้จริง แต่โอ้อวดความสามารถของตัวเอง) สังฆาทิเสส มี ๑๓ ข้อ ถือเป็นความผิดหากทำสิ่งใดต่
อนิยตกัณฑ์ มี ๒ ข้อได้แก่ ๑. การนั่งในที่ลับตา มีอาสนะกำบังอยู่กับสตรีเพศ และมีผู้มาเห็นเป็นผู้ที่เชื่ ๒. ในสถานที่ที่ไม่เป็นที่ลับตาเสี นิสสัคคิยปาจิตตีย์ มี ๓๐ ข้อ ถือเป็นความผิดได้แก่
ปาจิตตีย์ มี ๙๒ ข้อได้แก่
ปาฏิเทสนียะ มี ๔ ข้อได้แก่ ๑. ห้ามรับของคบเคี้ยว ของฉันจากมือภิกษุณีมาฉัน ๒. ให้ไล่นางภิกษุณีที่มายุ่งให้ ๓. ห้ามรับอาหารในสกุลที่สงฆ์สมมุ ๔. ห้ามรับอาหารที่เขาไม่ได้จั เสขิยะ สารูป มี ๒๖ ข้อได้แก่
|
--
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น